ตั้งแต่ต้นปี 2568 เป็นต้นมาจนถึงวันนี้ หุ้นในตลาดหลักของโลกอย่างเช่นสหรัฐอเมริกา หุ้นในตลาด “โตเร็ว” อย่างเวียตนาม และแม้แต่ตลาดหุ้นไทยที่เคยตกลงมาแรงก่อนหน้านี้ ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นตลาดหุ้นที่คนไทยเข้าไปลงทุนเป็นเรื่องเป็นราว มีการปรับตัวขึ้นอย่างคึกคัก
ดัชนีหุ้น S&P 500 ปรับตัวขึ้นประมาณ 9.6% ดัชนี VN ของเวียตนามปรับตัวขึ้นถึง 28.7% และดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงประมาณ 10% จากที่เคยตกลงไปถึงเกือบ 25% ในช่วงเดือนมิถุนายน 2568 ดังนั้น นักลงทุนทั้งหลายหรือส่วนใหญ่ควรที่จะดีใจและน่าจะมีความหวังที่เต็มเปี่ยมกับการลงทุนในปีนี้ใช่ไหม?
แต่สำหรับหลายคน และรวมถึงตัวผมเองนั้น ผลประกอบการของการลงทุนตั้งแต่ต้นปีมานั้นต้องบอกว่าน่าผิดหวังอย่างแรง พอร์ตตั้งแต่ต้นปียังขาดทุนหนักและแทบไม่ได้ดีกว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิงด้วยซ้ำ เหตุผลก็เพราะว่าหุ้นที่เราเลือกและถือลงทุน “ระยะยาว” ซึ่งเน้นการลงทุนเพียงไม่เกิน 10 ตัวหลัก ๆ ในแต่ละตลาดนั้น ไม่ได้ปรับตัวขึ้นตามดัชนีในแทบทุกตลาดหุ้นที่ไป หลาย ๆ ตัวปรับตัวลงมาด้วย
หลายคนเฝ้ามองดัชนีและหุ้นบางตัวที่กำลังวิ่งขึ้นในวันที่ตลาดหุ้นร้อนแรงและก็เห็นหุ้นที่ตนเองถือนิ่งหรือปรับตัวลงวันแล้ววันเล่าก็รู้สึกเศร้าใจและหดหู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เหตุผลก็เพราะว่าหุ้นตัวที่ถืออยู่นั้นเป็นหุ้นที่ดีและถูก เข้าตำราการลงทุนแบบ VI อยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะขายทิ้ง
ตรงกันข้าม หุ้นที่วิ่งขึ้นรุนแรงทุกตัวนั้น พื้นฐานทางธุรกิจก็ยังแย่อยู่มาก บางตัวก็อาจจะกำลังฟื้น แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ราคาหุ้นที่ขึ้นไปสูงลิ่วนั้น แพงเกินไปมาก แม้แต่กับหุ้นไฮเท็คสุดยอดของอเมริกาที่กำลังโตจนแทบคับตลาดหุ้น
คอมเม้นต์ที่เห็นบ่อยมากในเว็บเกี่ยวกับการลงทุนในช่วงนี้จึงเป็น “หุ้นขึ้นไม่มี(หุ้น)เรา แต่เวลาหุ้นลง เราลงด้วย” และนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะกับหุ้นไทย หุ้นเวียตนามและหุ้นอเมริกาก็น่าจะเป็นแบบเดียวกัน เหตุผลก็เพราะว่า หุ้นขึ้นรอบนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้กระจายไปทั้งตลาดแบบที่จะเป็นเมื่อตลาดอยู่ในภาวะกระทิง หุ้นขึ้นรอบนี้ ถูกนำโดยหุ้นบางกลุ่มหรือบางตัวที่มีขนาดใหญ่มากและหุ้นขึ้นไปแรงมาก ซึ่งส่งผลต่อดัชนีตลาดมหาศาล ในขณะที่หุ้นอื่น ๆ อีกหลายร้อยตัวเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นตัวเล็ก ๆ ที่มีสภาพคล่องต่ำนั้นแทบจะไม่ขึ้นเลย หรือตกลงมาด้วยซ้ำ
ลองดูตลาดหุ้นอเมริกาคือดัชนี S&P 500 ซึ่งหุ้นตัวหลัก ๆ ตอนนี้คือกลุ่มหุ้น 7 นางฟ้า ซึ่งมีมูลค่าตลาดของหุ้นรวมกันถึงประมาณ 32% ของหุ้นทั้งตลาด หุ้น NVIDIA มีมูลค่าสูงถึง 7.6% และให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีที่ 34.4% หุ้น ไมโครซอฟท์ มีสัดส่วน 6.8% และให้ผลตอบแทน 23.9% หุ้นเมตาหรือเฟ้ซบุคมีสัดส่วน 3.4% และให้ผลตอบแทนประมาณ 32% ส่วนหุ้นตัวอื่น ๆ อีก 4 ตัวซึ่งประกอบด้วย หุ้นแอปเปิล กูเกิล อมาซอน และเทสลา นั้น ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 5-6% เท่านั้นส่วนหนึ่งเพราะหุ้นเทสลาติดลบถึงกว่า 10%
คิดเฉพาะหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูง 3 ตัวคือ เอ็นวิเดีย ไมโครซอฟท์ และเมตา ก็มีส่วนทำให้ดัชนี S&P ขึ้นไปประมาณ 5.3% แล้ว และถ้าคิดเฉพาะหุ้น 7 นางฟ้า ก็น่าจะมีส่วนทำให้ดัชนี S&P เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1% เป็น 6.3% ดังนั้น ถ้าหุ้น S&P ซึ่งรวมหุ้นทั้งหมดปรับขึ้นไป 9.6% หุ้นเกือบ 500 ตัวในดัชนีที่ไม่รวมหุ้น 7 นางฟ้าก็จะโตขึ้นเพียงประมาณ 3.3% ตั้งแต่ต้นปี
ข้อสรุปก็คือ ถ้าคุณเป็นนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ และคุณไม่ได้ลงทุนในหุ้นสุดยอด 3 ตัวดังกล่าวหรือไม่ได้ลงทุนในหุ้น 7 นางฟ้า ถ้าคุณกระจายความเสี่ยงดี คุณก็น่าจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณแค่ 3% แต่ถ้าหุ้นที่คุณเลือกนั้น “ผิดตัว” คุณก็จะมีโอกาสขาดทุนได้ง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นดีมาก
ดัชนีตลาดหุ้นเวียตนามในช่วงตั้งแต่ต้นปีนั้น ปรับตัวขึ้นอย่าง “ระเบิด” คือปรับตัวขึ้นถึง 28.7% ซึ่งน่าจะ “ดีที่สุดในโลก” แต่ถ้ามองลึกเข้าไป หุ้นขนาดใหญ่ที่มีผลงานดีสุดยอดนั้น มีไม่กี่ตัว เฉพาะอย่างยิ่งก็คือหุ้นในกลุ่ม “VIN Group” ซึ่งประกอบไปด้วย หุ้น VIC ที่เป็นบริษัทแม่ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของตลาดและมี Market Cap. คิดเป็น 8.3% ของทั้งตลาด หุ้น VHM มีขนาดคิดเป็น 7.3% และ VRE 1.3% โดยผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีของหุ้น VIC เท่ากับ 186% VHM 135% และ VRE 77%
คิดไปแล้ว หุ้น 3 ตัวนี้น่าจะมีส่วนทำให้ดัชนี VN ของเวียตนามเพิ่มขึ้นอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของการเพิ่มขึ้นของดัชนีคือ 14.4% เข้าไปแล้ว ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นเวียตนามถ้าไม่นับหุ้นกลุ่ม วินกรุ๊ป 3 ตัวปรับตัวขึ้นไปประมาณ 14.3% และถ้ามองดูแบบคร่าว ๆ ก็จะพบว่าหุ้นอื่น ๆ ที่ปรับตัวขึ้นไปมากกว่าปกติก็คือหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน เช่น ธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์ ที่เป็นหุ้นขนาดใหญ่เพียงไม่กี่ตัว ซึ่งทำให้พอสรุปได้ว่า ตลาดหุ้นเวียตนามที่ขึ้นไปมากนั้น จริง ๆ เป็นการปรับขึ้นของหุ้นขนาดใหญ่ไม่กี่ตัวที่ปรับตัวขึ้นไปอย่างมโหฬารอานิสงค์จากการที่กลุ่มบริษัทเริ่ม “ฟื้นตัว” จากปัญหาการเงินที่รุนแรงจนเอาตัวแทบไม่รอด
สำหรับตลาดหุ้นไทยเองนั้น ผมไม่ได้ศึกษาในรายละเอียด แต่ก็พบว่าหุ้นขนาดใหญ่มากหลาย ๆ ตัว อาทิกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันปตท.และปตท.สผ. หุ้นเดลต้า กลุ่มแบ้งค์ขนาดใหญ่ กลุ่มหุ้นสื่อสารขนาดใหญ่นั้น ราคาหุ้นตกลงมาน้อยหรือเพิ่มขึ้นจากต้นปีบ้าง และเป็นตัวค้ำไม่ให้ดัชนีตลาดโดยรวมตกลงมามากกว่า 10% อย่างที่เห็นล่าสุด แต่หุ้นขนาดเล็กที่ไม่มีสภาพคล่องและไม่มีคนเล่นนั้น ตกลงมาแรง บางตัวเป็น “หายนะ” พูดง่าย ๆ ถ้าคุณไม่มีหุ้นเหล่านั้น ซึ่งมีจำนวนไม่มาก พอร์ตหุ้นไทยปีนี้มักจะมีผลตอบแทนที่ “เลวร้าย” และน่าจะตกมากกว่า 10% จากต้นปีจนถึงวันนี้
ปรากฎการณ์ที่หุ้นใหญ่เพียงไม่กี่ตัวถูก “เล่น” โดยนักลงทุนจำนวนมาก ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ และถูก “ขยายกำลัง” หรือพลังในการซื้อโดยโรบ็อต ทำให้หุ้นขนาดใหญ่ถึงยักษ์เหล่านั้นมีราคาพุ่งเป็นจรวด ซึ่งส่งผลให้ดัชนีตลาดพุ่งขึ้นแรง ในขณะที่หุ้นตัวอื่นหรือกลุ่มอื่นอาจจะถูกละเลยจนทำให้ราคาไม่เพิ่มขึ้นตามดัชนีหรือแม้แต่ตามผลประกอบการที่ควรจะเป็น ทำให้การ “เลือกหุ้น” โดยเฉพาะเพื่อการลงทุนระยะยาวตามพื้นฐานของกิจการโดยเฉพาะในแนว VI นั้น น่าจะลำบากขึ้น อย่างน้อยก็ในแง่ของผลตอบแทนในระยะเวลาสั้นที่อาจจะด้อยลงเมื่อเทียบกับการลงทุนแนวทางอื่น
ในอีกมุมหนึ่งก็คือ มันอาจจะทำให้ VI บางคน “ถอดใจ” และไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ตนเองคิดวิเคราะห์เกี่ยวกับตัวหุ้นอาจจะผิด ซึ่งทำให้ราคาหุ้นไม่ไปไหนหรือลดลงไปมากจนทำให้ตนเองรับไม่ไหวและขายหุ้นทิ้งและอาจจะพลาดผลตอบแทนที่อาจจะมาภายหลัง หลังจากที่กระแส “หุ้นตัวใหญ่กินเรียบ” หมดไป
ในความคิดผมเองนั้น ก็คงจะคล้ายวอเร็น บัฟเฟตต์ ที่ช่วงนี้ต้องนั่งมอง “หุ้นนางฟ้า AI” วิ่งเอา ๆ แต่พอร์ตตนเองกลับไม่ค่อยดีนัก โตแค่ประมาณ 5.7% จากต้นปี แพ้ดัชนี S&P ที่ประมาณเกือบ 10% ไม่ต้องพูดถึงหุ้น “สามนางฟ้า AI” ที่โตถึงประมาณ 30% แต่ถึงอย่างนั้น บัฟเฟตต์ก็ดูเหมือนจะไม่กระวนกระวายใจอะไร ยังนั่งทับกองเงินสดกองใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเบิกไชร์ รอว่าเวลาของหุ้นที่ตนเองถืออยู่จะกลับมาเมื่อไร
ผมเองตอนนี้ก็ร้องเพลงรอว่าเมื่อไรหุ้น “ซุปเปอร์สต็อก” โดยเฉพาะในตลาดหุ้นเวียตนามของผมจะฟื้นกลับมาเมื่อไร โดยไม่ได้คิดว่าจะต้องทำอะไรกับมัน แม้ว่าเพลงที่ร้องนั้นมันเป็น “เพลงเศร้า” เพราะพอร์ตเวียตนามของผมตกลงมาหนักมาก เปรียบเทียบกับตลาดแล้วก็แทบเป็น “หายนะ” และผลงานที่ดีเยี่ยมในปีที่แล้วก็ยังไม่พอเทียบกับดัชนีตลาดที่พุ่งขึ้นมากกว่าในช่วงปีครึ่งที่ผ่านมา จนแทบจะพูดว่า “รู้งี้ ลงทุนในดัชนี VN เสียยังดีกว่า”
อย่างไรก็ตาม ผมก็หวังว่าสถานการณ์แบบนี้จะไม่อยู่คงทน และในที่สุด หุ้นที่ดีในแบบ VI พันธุ์แท้ ก็จะยังเป็นผู้ชนะอยู่ดี แม้จะไม่รู้ว่าต้องรออีกนานแค่ไหน
ที่มา https://www.settrade.com/th/news-and-articles/articles/632-nivate-when-stocks-rise-were-left-out-but-when-they-fall-we-fall-too
PIGGYMAN007.COM
My personal blog about health, hobby, stock & investment, information technology, self improvement, tax and travel.
18 สิงหาคม 2568
15 สิงหาคม 2568
5 เทคนิคการพูดในที่สาธารณะสุดปัง พิชิตใจทุกเวที
การพูดถือเป็นหนึ่งในทักษะขั้นพื้นฐานของคนเรา เพราะแทบทุกคนเรียนรู้ที่จะพูดได้ตั้งแต่เด็กโดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะพูดในที่สาธารณะได้ 💢
📌 การพูดในที่สาธารณะคืออะไร❓
การพูดในที่สาธารณะ 🎙 คือ การพูดต่อหน้าผู้ฟังจำนวนมาก ซึ่งแตกต่างจากการสนทนาในชีวิตประจำวันทั่วไป เพราะมีจุดประสงค์มุ่งเน้นไปที่การโน้มน้าวมากกว่าการให้ความบันเทิง
โดยเมื่อเปรียบเทียบกับการพูดคุยทั่วไป 💬 การพูดในที่สาธารณะทำให้ผู้พูดต้องรับบทบาทที่สำคัญ และโดดเด่นกว่าคนอื่น ตัวอย่างเช่นเมื่ออาจารย์บรรยายให้นักเรียนฟัง ก็หมายความว่าเขากำลังพูดในที่สาธารณะ เช่นเดียวกับนักการเมืองที่กำลังหาเสียง 📢
อย่างไรก็ตาม คนธรรมดาอย่างเราก็สามารถได้รับประโยชน์จากการเรียนรู้การพูดในที่สาธารณะได้เช่นกัน 💖 เพราะหากคุณเข้าใจวิธีพูดแบบนี้ คุณก็จะสามารถนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ และมั่นใจมากขึ้น เมื่อต้องนำเสนอไอเดียใหม่กับเจ้านายของคุณ 📊 หรือเมื่อคุณต้องอธิบายอะไรบางอย่างให้ที่ประชุมเข้าใจ
📌 เทคนิค 1: รู้จักผู้ฟังของคุณ 👩🏼💼
เทคนิคนี้ใช้ได้กับเกือบทุกรูปแบบของการสื่อสาร 📣 การจะส่งสารไปถึงปลายทางให้ประสบความสำเร็จ คุณต้องรู้ว่ากล่องจดหมายอยู่ที่ไหน มีอุปสรรคอะไรบ้าง และมีวิธีเข้าถึงอย่างไร เช่นเดียวกัน การจะส่งสารไปยังผู้ฟัง คุณต้องรู้ว่าพวกเขารู้และเชื่ออะไรอยู่แล้ว 💡
❎ หากโดยทั่วไปพวกเขาไม่เห็นด้วย:
เหตุผลที่เขาไม่เห็นด้วยคืออะไร❓ คุณอาจลองหักล้างเหตุผลเหล่านั้นดู
✅ หากโดยทั่วไปพวกเขาเห็นด้วย:
ความสนใจของพวกเขาคืออะไร❓ หากคุณพูดถึงประเด็นที่พวกเขาสนใจ พวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะเชื่อคำพูดของคุณมากขึ้น
📌 เทคนิค 2: มั่นใจในตัวเอง ❤️🔥
แม้จะเป็นคำแนะนำที่ฟังดูพูดง่ายแต่ทำได้ยาก แต่จริง ๆ แล้วก็มีเทคนิคที่จับต้องได้อยู่ด้วย เป็นเรื่องปกติที่คงไม่มีใครมั่นใจได้ตลอดเวลา แต่คุณสามารถ "แสดง" 🎭 ให้เหมือนมั่นใจได้ วิธีนี้จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ และทำให้คำพูดของคุณน่าเชื่อถือมากขึ้น
การแสร้งทำเป็นมั่นใจ 🪄 แม้ว่าอาจจะรู้สึกแปลก ๆ อยู่บ้างในช่วงแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป มีแต่จะทำให้คุณรู้สึกมั่นใจขึ้นจริง ๆ
มีเทคนิคการพูดในที่สาธารณะที่เป็นที่นิยมอยู่อย่างหนึ่งนั่นก็คือ ใช้อินเนอร์ของผู้ชนะการแข่งขันชิงแชมป์โลก 🥇 โดยทำท่าเชิดหน้าขึ้น ยืนตัวตรง อกผายไหล่ผึ่ง ซึ่งหลังจากฝึกเทคนิคนี้ไปสักพัก ผู้ฝึกมักจะรู้สึกมั่นใจเพิ่มขึ้นจริง ๆ
📌 เทคนิค 3: มีจังหวะหยุดพัก ⏸
การพูดต่อหน้าผู้ชม อาจทั้งน่ากลัวและน่าตื่นเต้นไปพร้อมกัน หลายคนมักเผลอพรั่งพรูคำพูดทั้งหมดของตัวเองออกมาตั้งแต่ต้นจนจบ โดยไม่เว้นวรรคให้มีจังหวะหยุดหายใจเลยแม้แต่น้อย 🚫
ซึ่งไม่เพียงแต่ตัวเราในฐานะผู้พูดจะไม่ได้พักแล้ว แต่ผู้ฟังก็พลอยเหนื่อยไปด้วยเช่นกัน โอกาสที่พวกเขาจะเข้าใจสิ่งที่คุณพูด ก็จะยิ่งน้อยลงไปอีก ไม่ต้องพูดถึงการเห็นด้วยคล้อยตามเลย เพราะมันแทบจะเป็นศูนย์ ❌
หากไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น การใช้จังหวะหยุดระหว่างการพูดในที่สาธารณะก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลย ผู้เชี่ยวชาญด้านการพูดในที่สาธารณะบางคนถึงกับบอกว่า ความเงียบเป็นเสียงที่ทรงพลังไม่แพ้คำพูด 🔇
เพราะจังหวะหยุดเหล่านี้ช่วยให้ผู้ฟังเข้าใจสิ่งที่พวกเขาเพิ่งได้ยินไป 👂 เพื่อเตรียมให้คนฟังมีพื้นฐานในการเข้าใจคำพูดถัดไปของเรา นอกจากนี้ ยังช่วยสร้างบรรยากาศที่เคร่งขรึมจริงจัง ทำให้ผู้ฟังคาดเดาคำพูดต่อไปของเรา และจดจำมันได้ชัดเจนขึ้น 💡
📌 เทคนิค 4: อย่าพูดเหมือนผึ้งบิน 🐝
ใครจะชอบฟังอาจารย์ที่พูดด้วยน้ำเสียงโทนเดียว ไม่มีจังหวะสูงต่ำ บรรยายไปด้วยเสียงหึ่ง ๆ เหมือนผึ้งบินกันล่ะ❓ เพราะถ้าเป็นแบบนี้ ไม่นานทั้งห้องก็คงง่วงเหงาหาวนอนกันหมด 💤
แน่นอนว่า นี่คงไม่ใช่สถานการณ์ที่คุณอยากให้เกิดขึ้น หากเป้าหมายของคุณคือ การดึงดูดความสนใจผู้ฟังเพื่อโน้มน้าวพวกเขา ดังนั้น คุณต้องใช้ระดับเสียง และน้ำเสียงอย่างชาญฉลาดให้เป็น 🔊
ในการเน้นประเด็นสำคัญ ให้ลองใช้โทนเสียงสูง และพูดให้ดังขึ้นกว่าเดิม รวมถึงอย่าลืมเว้นวรรคก่อน และหลังพูดประเด็นสำคัญ หากคุณใช้เทคนิคเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ คำพูดของคุณจะฟังดูมีความหมาย และน่าสนใจมากขึ้น 🌟
📌 เทคนิค 5: ใช้เค้าโครงในหัว แทนการดูสคริปต์ 🧠
เทคนิคนี้ไม่ได้หมายความว่า คุณห้ามเขียนสคริปต์ ✍️ เพียงแต่หลังจากที่คุณรู้แล้วว่ากำลังจะพูดเรื่องอะไร ก็ไม่จำเป็นต้องอ่าน หรือมองตามกระดาษสคริปต์ที่เขียนไว้ แต่ให้มองไปที่ผู้ฟังของคุณแทน
เพียงแค่เหลือบมองสั้น ๆ เป็นระยะเพื่อเช็คสิ่งที่คุณจะพูดต่อไปก็พอ 📑 จากนั้นก็สบตากับผู้ฟังบ่อย ๆ เพราะการมองกระดาษสคริปต์ไม่เพียงแต่จะทำให้คุณดูขาดความมั่นใจ แต่ยังลดทอนความน่าเชื่อถือในคำพูดของคุณด้วย
สิ่งสุดท้ายที่อยากฝากไว้ก็คือ การฝึกฝนคือหนทางแห่งความสำเร็จ มีคนไม่มากนักที่ประสบความสำเร็จในการพูดในที่สาธารณะต่อหน้าผู้ชมจำนวนมากตั้งแต่ครั้งแรก ดังนั้น พยายามฝึกฝนตัวเองให้มาก เราหวังว่าคุณจะเห็นประโยชน์ของเทคนิคเหล่านี้ และนำไปใช้ในสถานการณ์จริงได้ 🎯✨
📌 การพูดในที่สาธารณะคืออะไร❓
การพูดในที่สาธารณะ 🎙 คือ การพูดต่อหน้าผู้ฟังจำนวนมาก ซึ่งแตกต่างจากการสนทนาในชีวิตประจำวันทั่วไป เพราะมีจุดประสงค์มุ่งเน้นไปที่การโน้มน้าวมากกว่าการให้ความบันเทิง
โดยเมื่อเปรียบเทียบกับการพูดคุยทั่วไป 💬 การพูดในที่สาธารณะทำให้ผู้พูดต้องรับบทบาทที่สำคัญ และโดดเด่นกว่าคนอื่น ตัวอย่างเช่นเมื่ออาจารย์บรรยายให้นักเรียนฟัง ก็หมายความว่าเขากำลังพูดในที่สาธารณะ เช่นเดียวกับนักการเมืองที่กำลังหาเสียง 📢
อย่างไรก็ตาม คนธรรมดาอย่างเราก็สามารถได้รับประโยชน์จากการเรียนรู้การพูดในที่สาธารณะได้เช่นกัน 💖 เพราะหากคุณเข้าใจวิธีพูดแบบนี้ คุณก็จะสามารถนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ และมั่นใจมากขึ้น เมื่อต้องนำเสนอไอเดียใหม่กับเจ้านายของคุณ 📊 หรือเมื่อคุณต้องอธิบายอะไรบางอย่างให้ที่ประชุมเข้าใจ
📌 เทคนิค 1: รู้จักผู้ฟังของคุณ 👩🏼💼
เทคนิคนี้ใช้ได้กับเกือบทุกรูปแบบของการสื่อสาร 📣 การจะส่งสารไปถึงปลายทางให้ประสบความสำเร็จ คุณต้องรู้ว่ากล่องจดหมายอยู่ที่ไหน มีอุปสรรคอะไรบ้าง และมีวิธีเข้าถึงอย่างไร เช่นเดียวกัน การจะส่งสารไปยังผู้ฟัง คุณต้องรู้ว่าพวกเขารู้และเชื่ออะไรอยู่แล้ว 💡
❎ หากโดยทั่วไปพวกเขาไม่เห็นด้วย:
เหตุผลที่เขาไม่เห็นด้วยคืออะไร❓ คุณอาจลองหักล้างเหตุผลเหล่านั้นดู
✅ หากโดยทั่วไปพวกเขาเห็นด้วย:
ความสนใจของพวกเขาคืออะไร❓ หากคุณพูดถึงประเด็นที่พวกเขาสนใจ พวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะเชื่อคำพูดของคุณมากขึ้น
📌 เทคนิค 2: มั่นใจในตัวเอง ❤️🔥
แม้จะเป็นคำแนะนำที่ฟังดูพูดง่ายแต่ทำได้ยาก แต่จริง ๆ แล้วก็มีเทคนิคที่จับต้องได้อยู่ด้วย เป็นเรื่องปกติที่คงไม่มีใครมั่นใจได้ตลอดเวลา แต่คุณสามารถ "แสดง" 🎭 ให้เหมือนมั่นใจได้ วิธีนี้จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ และทำให้คำพูดของคุณน่าเชื่อถือมากขึ้น
การแสร้งทำเป็นมั่นใจ 🪄 แม้ว่าอาจจะรู้สึกแปลก ๆ อยู่บ้างในช่วงแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป มีแต่จะทำให้คุณรู้สึกมั่นใจขึ้นจริง ๆ
มีเทคนิคการพูดในที่สาธารณะที่เป็นที่นิยมอยู่อย่างหนึ่งนั่นก็คือ ใช้อินเนอร์ของผู้ชนะการแข่งขันชิงแชมป์โลก 🥇 โดยทำท่าเชิดหน้าขึ้น ยืนตัวตรง อกผายไหล่ผึ่ง ซึ่งหลังจากฝึกเทคนิคนี้ไปสักพัก ผู้ฝึกมักจะรู้สึกมั่นใจเพิ่มขึ้นจริง ๆ
📌 เทคนิค 3: มีจังหวะหยุดพัก ⏸
การพูดต่อหน้าผู้ชม อาจทั้งน่ากลัวและน่าตื่นเต้นไปพร้อมกัน หลายคนมักเผลอพรั่งพรูคำพูดทั้งหมดของตัวเองออกมาตั้งแต่ต้นจนจบ โดยไม่เว้นวรรคให้มีจังหวะหยุดหายใจเลยแม้แต่น้อย 🚫
ซึ่งไม่เพียงแต่ตัวเราในฐานะผู้พูดจะไม่ได้พักแล้ว แต่ผู้ฟังก็พลอยเหนื่อยไปด้วยเช่นกัน โอกาสที่พวกเขาจะเข้าใจสิ่งที่คุณพูด ก็จะยิ่งน้อยลงไปอีก ไม่ต้องพูดถึงการเห็นด้วยคล้อยตามเลย เพราะมันแทบจะเป็นศูนย์ ❌
หากไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น การใช้จังหวะหยุดระหว่างการพูดในที่สาธารณะก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลย ผู้เชี่ยวชาญด้านการพูดในที่สาธารณะบางคนถึงกับบอกว่า ความเงียบเป็นเสียงที่ทรงพลังไม่แพ้คำพูด 🔇
เพราะจังหวะหยุดเหล่านี้ช่วยให้ผู้ฟังเข้าใจสิ่งที่พวกเขาเพิ่งได้ยินไป 👂 เพื่อเตรียมให้คนฟังมีพื้นฐานในการเข้าใจคำพูดถัดไปของเรา นอกจากนี้ ยังช่วยสร้างบรรยากาศที่เคร่งขรึมจริงจัง ทำให้ผู้ฟังคาดเดาคำพูดต่อไปของเรา และจดจำมันได้ชัดเจนขึ้น 💡
📌 เทคนิค 4: อย่าพูดเหมือนผึ้งบิน 🐝
ใครจะชอบฟังอาจารย์ที่พูดด้วยน้ำเสียงโทนเดียว ไม่มีจังหวะสูงต่ำ บรรยายไปด้วยเสียงหึ่ง ๆ เหมือนผึ้งบินกันล่ะ❓ เพราะถ้าเป็นแบบนี้ ไม่นานทั้งห้องก็คงง่วงเหงาหาวนอนกันหมด 💤
แน่นอนว่า นี่คงไม่ใช่สถานการณ์ที่คุณอยากให้เกิดขึ้น หากเป้าหมายของคุณคือ การดึงดูดความสนใจผู้ฟังเพื่อโน้มน้าวพวกเขา ดังนั้น คุณต้องใช้ระดับเสียง และน้ำเสียงอย่างชาญฉลาดให้เป็น 🔊
ในการเน้นประเด็นสำคัญ ให้ลองใช้โทนเสียงสูง และพูดให้ดังขึ้นกว่าเดิม รวมถึงอย่าลืมเว้นวรรคก่อน และหลังพูดประเด็นสำคัญ หากคุณใช้เทคนิคเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ คำพูดของคุณจะฟังดูมีความหมาย และน่าสนใจมากขึ้น 🌟
📌 เทคนิค 5: ใช้เค้าโครงในหัว แทนการดูสคริปต์ 🧠
เทคนิคนี้ไม่ได้หมายความว่า คุณห้ามเขียนสคริปต์ ✍️ เพียงแต่หลังจากที่คุณรู้แล้วว่ากำลังจะพูดเรื่องอะไร ก็ไม่จำเป็นต้องอ่าน หรือมองตามกระดาษสคริปต์ที่เขียนไว้ แต่ให้มองไปที่ผู้ฟังของคุณแทน
เพียงแค่เหลือบมองสั้น ๆ เป็นระยะเพื่อเช็คสิ่งที่คุณจะพูดต่อไปก็พอ 📑 จากนั้นก็สบตากับผู้ฟังบ่อย ๆ เพราะการมองกระดาษสคริปต์ไม่เพียงแต่จะทำให้คุณดูขาดความมั่นใจ แต่ยังลดทอนความน่าเชื่อถือในคำพูดของคุณด้วย
สิ่งสุดท้ายที่อยากฝากไว้ก็คือ การฝึกฝนคือหนทางแห่งความสำเร็จ มีคนไม่มากนักที่ประสบความสำเร็จในการพูดในที่สาธารณะต่อหน้าผู้ชมจำนวนมากตั้งแต่ครั้งแรก ดังนั้น พยายามฝึกฝนตัวเองให้มาก เราหวังว่าคุณจะเห็นประโยชน์ของเทคนิคเหล่านี้ และนำไปใช้ในสถานการณ์จริงได้ 🎯✨
ที่มา Link
04 สิงหาคม 2568
25 ปีตลาดหุ้นเวียตนามมุ่งสู่ดวงจันทร์
วันที่ 28 กรกฎาคม 2025 เป็นวันครบรอบ 25 ปี ของการเปิดตลาดหุ้นเวียตนาม ผมนั่งดูกราฟดัชนีตลาดหุ้นเวียตนามในช่วงตั้งแต่ต้นปีนี้แล้วก็รู้สึกทึ่งและก็พยายาม “อ่าน” ว่าดัชนีตลาดหุ้นเวียตนามที่ผ่านมาตลอด 25 ปี นั้น “บอกอะไร” กับเรา และอนาคตนับจากนี้ไปอย่างน้อยอีกหลายปีจะเป็นอย่างไรต่อไป
ตลอด 25 ปี นั้น ดัชนีตลาดหุ้นเวียตนามปรับตัวขึ้น 18 ปี และปรับตัวลดลงเพียง 7 ปี คิดไปแล้วเท่ากับโอกาสปรับขึ้นเป็น 2.57 เท่าของการปรับลง ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยนั้น ปีที่หุ้นปรับตัวขึ้นน่าจะไม่เกิน 1.5 เท่าของการปรับตัวลง ซึ่งก็ถือว่ามีความเสี่ยงสูงกว่ามาก
นอกจากนั้น ถ้าไม่นับช่วงที่เวียตนามเปิดตลาดใหม่ ๆ ในช่วง 5 ปีแรกที่ตลาดยังไม่พร้อม ก็จะพบว่า ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นเวียตนามปรับตัวขึ้น 15 ปี และปรับตัวลงแค่ 5 ปี หรือปีหุ้นขึ้นนั้นประมาณ 75% และปีที่ตลาดตกแค่ 25% ซึ่งถือว่าเป็นสถิติที่ดีมากน่าจะเท่า ๆ กับตลาดสหรัฐในช่วงเวลาหลาย ๆ สิบปีที่ผ่านมา
ว่าที่จริง ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาคือตั้งแต่ปี 2558 ถึงปีที่แล้ว ดัชนีตลาดหุ้นเวียตนามติดลบแค่ 2 ปีคือปี 2561 ที่ -9.3% และปี 2565 ที่ 32.8% อานิสงค์จากปัญหาหุ้นกู้เป็นหนี้เสียของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และการจับการโกงของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนครั้งใหญ่ที่โกงเงินแบ้งค์ครั้งมโหฬารคิดเป็นเงินถึงกว่า 400,000 ล้านบาท แล้ว ที่เหลืออีก 8 ปี ดัชนีตลาดหุ้นเวียตนามก็เป็นบวกทุกปีเฉลี่ยแล้วปีละ 18.9%
ดังนั้น ข้อสรุปของผมก็คือ ตลาดหุ้นเวียตนามปีนี้และปีต่อไปอีกอย่างน้อย 2-3 ปี น่าจะเป็นปีที่สดใสและดัชนีตลาดหุ้นน่าจะมีโอกาสวิ่ง “ติดจรวดสู่ดวงจันทร์” ได้ เพราะประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นจาก Frontier เป็น Emerging Market ในกรณีของ MSCI ที่เวียตนามคาดว่าจะได้เข้าดัชนีในอีกไม่เกิน 2-3 ปีข้างหน้า หุ้นมักจะวิ่งขึ้นแรงกว่าปกติมาก และหุ้นเวียตนามก็น่าจะเป็นแบบนั้นเช่นเดียวกัน
ประเด็นแรกก็คือ ถึงสิ้นปีที่แล้ว ดัชนี VN ของเวียตนามอยู่ที่ 1,267 จุด นั่นแปลว่าภายในเวลาประมาณ 24 ปี ครึ่ง ดัชนีหุ้นเวียตนามปรับตัวขึ้นจาก 100 จุดขึ้นมาประมาณ 12.7 เท่า หรือให้ผลตอบแทนทบต้นปีละ 10.9% ซึ่งถ้ารวมเงินปันผลก็น่าจะให้ผลตอบแทนปีละไม่ต่ำกว่า 13% ถือว่าเป็นตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดในโลกประเทศหนึ่งในประวัติศาสตร์
จากต้นปี 2025 ถึง วันที่ 2 เมษายน 2568 ดัชนีเวียตนามขึ้นไปเป็นประมาณ 1,316 จุด ก่อนที่จะตกลงมาอย่างแรง และภายในวันที่ 9 เมษายนหรือเพียง 7 วัน ดัชนีตลาดหุ้นก็ตกลงมาเหลือเพียง 1,095 จุด หรือลดลงถึง 16.8% เนื่องจากคำประกาศเพิ่มภาษีการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ที่เวียตนามจะถูกเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 46% ซึ่งจะมีผลทำให้การส่งออกของเวียตนามไปสหรัฐที่เป็นตลาดหลักที่ใหญ่โตมากต้องสะดุดหยุดลงและจะกระทบต่อเศรษฐกิจของเวียตนามอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตาม ภายในเวลาไม่กี่วัน ดัชนีตลาดหุ้นเวียตนามก็เริ่มปรับตัวขึ้น เพราะนักลงทุนคาดว่าเวียตนามจะสามารถเจรจาลดอัตราภาษีได้และจะทำให้อัตราที่ได้รับสามารถแข่งขันได้กับประเทศอื่นทั่วโลกที่ก็ถูกประกาศเพิ่มอัตราภาษีรุนแรงเช่นกัน เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ รัฐบาลเวียตนามพร้อมที่จะยื่นข้อเสนอที่ดีที่สุดต่ออเมริกา คือไม่เก็บภาษีข้าเข้าสินค้าจากสหรัฐเลย
ผลสุดท้าย เวียตนามก็สามารถตกลงกับอเมริกาได้เป็นประเทศแรก ๆ และได้ดีลที่ดีที่ 20% ในสินค้าที่ผลิตภายในประเทศและส่งออกไปที่อเมริกา ผลก็คือ ตลาดหุ้นเวียตนามตอบรับมาอย่างต่อเนื่อง ดัชนีหุ้นวิ่งขึ้นไปจนถึง 1,531 จุดในวันที่ 25 กรกฎาคม 68 หรือปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 40% ภายในเวลาเพียง 3-4 เดือน และเป็น All Time High ของตลาดหุ้นเวียตนาม
และนับจากต้นปีก็เพิ่มขึ้นถึง 20.8% ก่อนจะปรับตัวลงมาบ้างและปิดล่าสุดที่ 1,495 จุดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568
คำถามสำคัญก็คือ ตลาดหุ้นเวียตนามร้อนแรงเกินไปหรือยัง ถึงเวลาที่หุ้นจะต้องชะลอตัวลงหลังจากปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วงเร็ว ๆ นี้หรือยัง พูดง่าย ๆ เราควร Take Profit หรือขายหุ้นทำกำไรไหม? หรือสำหรับคนที่ยังไม่มีหุ้นเวียตนามหรือมีน้อย เราควรเข้าไปเก็บหุ้นเพิ่มหรือไม่?
คำตอบของผมก็คือ ช่วงเวลานี้ของเวียตนาม ทุกอย่างดูเหมือนว่าจะสดใส ประเด็นที่น่าห่วงหรือเรื่องที่ไม่ดีต่อการลงทุนโดยเฉพาะในตลาดหุ้นดูเหมือนจะลดลงไปมาก แต่เรื่องดี ๆ ต่อเศรษฐกิจและการลงทุนในตลาดหุ้นนั้น กำลังทยอยมาอย่างต่อเนื่องนอกเหนือจากภาษีทรัมป์ที่ดูเหมือนว่าเวียตนามจะได้เปรียบชาติอื่น
เศรษฐกิจเวียตนามล่าสุดดูเหมือนว่าจะยังดีต่อเนื่องและรัฐบาลยังตั้งเป้าหมายการเติบโตของ GDP ที่สูงในระดับ 8% ขึ้นไป ซึ่งถือว่ามองโลกในแง่ที่ดีมาก โดยปัจจัยสนับสนุนหลักก็คือ การส่งออกไปสหรัฐอเมริกาที่คาดว่ายังดีมาก การลงทุนจากต่างประเทศล่าสุดที่อยู่ในระดับสูงสุดยอดเช่นเดียวกับการลงทุนของรัฐ นอกจากนั้น การท่องเที่ยวจากต่างชาติก็เติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดดโดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวจีนที่ตอนนี้ไปเที่ยวที่เวียตนามมากกว่ามาไทยไปแล้ว
ข่าวสำคัญที่จะตามมาในอีกไม่กี่เดือนก็คือการที่ดัชนีฟุตซี่ FTSE น่าจะปรับให้ตลาดหุ้นเวียตนามเป็นตลาดเกิดใหม่หรือ Emerging Market ที่จะทำให้มีเงินจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เหตุผลก็เพราะตลาดหุ้นเวียตนามมีการพัฒนาขึ้นมากในด้านของการซื้อ-ขายหุ้น สำหรับต่างชาติ เฉพาะอย่างยิ่งก็คือการใช้โปรแกรมเทรดหุ้นใหม่ KRX ที่ทันสมัยที่ทำให้สามารถรองรับการเทรดและ การเคลียร์บัญชีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประเด็นสำคัญที่สุดก็คือ ปริมาณการซื้อ-ขายหุ้นต่อวันของตลาดหุ้นเวียตนามในช่วงเร็ว ๆ นี้ เพิ่มขึ้นมหาศาลจนกลายเป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดในอาเซียนแซงไทยและสิงคโปร์ไปแล้วที่วันละ 4-50,000 ล้านบาทต่อวัน และบางวันก็สูงเกือบแสนล้านบาทแล้ว และนั่นรองรับด้วยนักลงทุนส่วนบุคคลจำนวนมากกว่า 10 ล้านบัญชีและยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกเดือนเดือนละนับแสนราย พูดง่าย ๆ ตอนนี้ตลาดหุ้นเวียตนามกำลัง “ร้อนเป็นไฟ”
ปริมาณการซื้อหุ้นด้วยมาร์จินสูงสุดเป็นประวัติการณ์และโบรกเกอร์ใหญ่ ๆ หลายรายปล่อยกู้จนถึงเพดานไม่สามารถปล่อยเพิ่มได้แล้ว ซึ่งทำให้ดู “น่ากลัวมาก” ถ้าวันหนึ่งหุ้นตกลงมาจนนักลงทุนถูก Force Sell ซึ่งอาจทำให้ตลาดถล่มทะลาย นอกจากนั้น ข่าวเกี่ยวกับความคิดของรัฐบาลที่จะเก็บภาษีกำไรจากการขายหุ้นของบุคคลธรรมดาซึ่งอาจจะสูงถึง 20% ก็เป็นสิ่งที่น่าห่วงมากแม้ว่าวันนี้นักลงทุนยังไม่ได้ตระหนักว่ามันอาจจะทำลายการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้
และนั่นทำให้เราต้องมาคิดและประเมินถึง “ความเสี่ยง” ของการลงทุนในตลาดหุ้นเวียตนามในช่วงเวลานี้ว่า หุ้นแพงเกินไปไหม?
คำตอบของผมก็คือ การฟื้นตัวหรือปรับตัวของหุ้นเวียตนามในรอบประมาณ 6-7 เดือนที่ผ่านมานั้น ส่วนใหญ่เป็นการปรับตัวของหุ้นขนาดใหญ่หรือยักษ์จำนวนไม่กี่ตัวเป็นหลัก คร่าว ๆ ก็คือแค่หุ้นกลุ่ม “VIN Group” ที่ประกอบด้วยตัวหลักคือVIC VHM และ VRE ที่ทำธุรกิจใหญ่โตมากในด้านของอสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้านจัดสรรและห้างสรรพสินค้า รถยนต์ และอื่น ๆ
ราคาหุ้นของกลุ่ม วินกรุ๊ปที่เคยตกต่ำมากเพราะมีปัญหาทางการเงินเริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างแรงเพราะสถานการณ์ทางการเงินของกลุ่มเริ่มดีขึ้นมากในช่วงเร็ว ๆ นี้ ซึ่งทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปกว่า 100% ในเวลาไม่กี่เดือนจนมีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของตลาดหุ้น การปรับตัวขึ้นของหุ้นเพียง 3-4 ตัวดังกล่าวมีส่วนทำให้ดัชนีตลาดหุ้นเพิ่มขึ้นไปกว่า 10% แล้ว จากทั้งตลาดที่ปรับตัวขึ้นไป 18% นับจากต้นปี
ซึ่งนั่นก็อาจจะคล้าย ๆ กับหุ้นกลุ่ม 7 นางฟ้าของอเมริกาที่ปรับตัวขึ้นไปมโหฬารโดยที่หุ้นอื่น ๆ ทั้งตลาดโตขึ้นน้อยมาก หรือคล้าย ๆ กับตลาดหุ้นไทยที่หุ้นยักษ์บางตัวราคาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวและมีผลกับดัชนีตลาดอย่างมาก
ว่าที่จริง หุ้นในพอร์ตเวียตนามของผมเองที่เป็นหุ้น “ซุปเปอร์สต็อก” จำนวนประมาณ 6-7 ตัวที่เคยสร้างผลงานยอดเยี่ยมในปี 2567 พอถึงปีนี้ที่ดัชนีหุ้นขึ้นไปมากแต่พอร์ตผมก็ยังขาดทุนอยู่ และต้องเฝ้าดูหุ้นกลุ่มอื่นปรับตัวเพิ่มขึ้นมากทั้ง ๆ ที่ผลประกอบการก็ยังไม่ดี มีแต่ “สตอรี่” ที่ยังไม่รู้ว่าจะเป็นจริงแค่ไหน ราคาหุ้นขึ้นเอา ๆ ทั้งที่ราคาหุ้นคิดเป็น PE ก็สูงมากอยู่แล้ว
แต่อย่างไรผมเองก็คงไม่เปลี่ยนตัวหุ้นที่ลงทุน ผมคิดว่าการลงทุนระยะยาวแบบผมนั้น ก็ต้องมีเวลาที่จะแย่กว่าตลาดหรือหุ้นกลุ่มอื่น เพียงแต่ว่าโดยเฉลี่ยทั้งปีที่ดีและปีที่แย่ ผมจะได้ผลตอบแทนที่เหนือกว่าตลาดแค่นั้นก็พอ และผมก็หวังแค่ว่าเวลาที่เหลือของปีนี้ พอร์ตเวียตนามของผมจะตีตื้นขึ้นมาเสมอตัวก็พอใจแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร สำหรับคนที่ลงทุนกองทุนอิงดัชนีเวียตนาม ก็ไม่ต้องสนใจว่าจะเกิดการเลือกหุ้นที่ผิดพลาดและทำให้ผลตอบแทนการลงทุนแย่ สิ่งที่จะต้องคำนึงก็คือ ดัชนีตลาดหุ้นจะเป็นอย่างไรปีนี้และปีต่อ ๆ ไป และนั่นทำให้ผมต้องปรึกษากับประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นเวียตนามว่า ความเสี่ยงของการลงทุนในตลาดหุ้นเวียตนามในช่วง 25 ปีที่ผ่านมานั้นเป็นอย่างไร
จากต้นปี 2025 ถึง วันที่ 2 เมษายน 2568 ดัชนีเวียตนามขึ้นไปเป็นประมาณ 1,316 จุด ก่อนที่จะตกลงมาอย่างแรง และภายในวันที่ 9 เมษายนหรือเพียง 7 วัน ดัชนีตลาดหุ้นก็ตกลงมาเหลือเพียง 1,095 จุด หรือลดลงถึง 16.8% เนื่องจากคำประกาศเพิ่มภาษีการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ที่เวียตนามจะถูกเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 46% ซึ่งจะมีผลทำให้การส่งออกของเวียตนามไปสหรัฐที่เป็นตลาดหลักที่ใหญ่โตมากต้องสะดุดหยุดลงและจะกระทบต่อเศรษฐกิจของเวียตนามอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตาม ภายในเวลาไม่กี่วัน ดัชนีตลาดหุ้นเวียตนามก็เริ่มปรับตัวขึ้น เพราะนักลงทุนคาดว่าเวียตนามจะสามารถเจรจาลดอัตราภาษีได้และจะทำให้อัตราที่ได้รับสามารถแข่งขันได้กับประเทศอื่นทั่วโลกที่ก็ถูกประกาศเพิ่มอัตราภาษีรุนแรงเช่นกัน เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ รัฐบาลเวียตนามพร้อมที่จะยื่นข้อเสนอที่ดีที่สุดต่ออเมริกา คือไม่เก็บภาษีข้าเข้าสินค้าจากสหรัฐเลย
ผลสุดท้าย เวียตนามก็สามารถตกลงกับอเมริกาได้เป็นประเทศแรก ๆ และได้ดีลที่ดีที่ 20% ในสินค้าที่ผลิตภายในประเทศและส่งออกไปที่อเมริกา ผลก็คือ ตลาดหุ้นเวียตนามตอบรับมาอย่างต่อเนื่อง ดัชนีหุ้นวิ่งขึ้นไปจนถึง 1,531 จุดในวันที่ 25 กรกฎาคม 68 หรือปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 40% ภายในเวลาเพียง 3-4 เดือน และเป็น All Time High ของตลาดหุ้นเวียตนาม
และนับจากต้นปีก็เพิ่มขึ้นถึง 20.8% ก่อนจะปรับตัวลงมาบ้างและปิดล่าสุดที่ 1,495 จุดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568
คำถามสำคัญก็คือ ตลาดหุ้นเวียตนามร้อนแรงเกินไปหรือยัง ถึงเวลาที่หุ้นจะต้องชะลอตัวลงหลังจากปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วงเร็ว ๆ นี้หรือยัง พูดง่าย ๆ เราควร Take Profit หรือขายหุ้นทำกำไรไหม? หรือสำหรับคนที่ยังไม่มีหุ้นเวียตนามหรือมีน้อย เราควรเข้าไปเก็บหุ้นเพิ่มหรือไม่?
คำตอบของผมก็คือ ช่วงเวลานี้ของเวียตนาม ทุกอย่างดูเหมือนว่าจะสดใส ประเด็นที่น่าห่วงหรือเรื่องที่ไม่ดีต่อการลงทุนโดยเฉพาะในตลาดหุ้นดูเหมือนจะลดลงไปมาก แต่เรื่องดี ๆ ต่อเศรษฐกิจและการลงทุนในตลาดหุ้นนั้น กำลังทยอยมาอย่างต่อเนื่องนอกเหนือจากภาษีทรัมป์ที่ดูเหมือนว่าเวียตนามจะได้เปรียบชาติอื่น
เศรษฐกิจเวียตนามล่าสุดดูเหมือนว่าจะยังดีต่อเนื่องและรัฐบาลยังตั้งเป้าหมายการเติบโตของ GDP ที่สูงในระดับ 8% ขึ้นไป ซึ่งถือว่ามองโลกในแง่ที่ดีมาก โดยปัจจัยสนับสนุนหลักก็คือ การส่งออกไปสหรัฐอเมริกาที่คาดว่ายังดีมาก การลงทุนจากต่างประเทศล่าสุดที่อยู่ในระดับสูงสุดยอดเช่นเดียวกับการลงทุนของรัฐ นอกจากนั้น การท่องเที่ยวจากต่างชาติก็เติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดดโดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวจีนที่ตอนนี้ไปเที่ยวที่เวียตนามมากกว่ามาไทยไปแล้ว
ข่าวสำคัญที่จะตามมาในอีกไม่กี่เดือนก็คือการที่ดัชนีฟุตซี่ FTSE น่าจะปรับให้ตลาดหุ้นเวียตนามเป็นตลาดเกิดใหม่หรือ Emerging Market ที่จะทำให้มีเงินจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เหตุผลก็เพราะตลาดหุ้นเวียตนามมีการพัฒนาขึ้นมากในด้านของการซื้อ-ขายหุ้น สำหรับต่างชาติ เฉพาะอย่างยิ่งก็คือการใช้โปรแกรมเทรดหุ้นใหม่ KRX ที่ทันสมัยที่ทำให้สามารถรองรับการเทรดและ การเคลียร์บัญชีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประเด็นสำคัญที่สุดก็คือ ปริมาณการซื้อ-ขายหุ้นต่อวันของตลาดหุ้นเวียตนามในช่วงเร็ว ๆ นี้ เพิ่มขึ้นมหาศาลจนกลายเป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดในอาเซียนแซงไทยและสิงคโปร์ไปแล้วที่วันละ 4-50,000 ล้านบาทต่อวัน และบางวันก็สูงเกือบแสนล้านบาทแล้ว และนั่นรองรับด้วยนักลงทุนส่วนบุคคลจำนวนมากกว่า 10 ล้านบัญชีและยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกเดือนเดือนละนับแสนราย พูดง่าย ๆ ตอนนี้ตลาดหุ้นเวียตนามกำลัง “ร้อนเป็นไฟ”
ปริมาณการซื้อหุ้นด้วยมาร์จินสูงสุดเป็นประวัติการณ์และโบรกเกอร์ใหญ่ ๆ หลายรายปล่อยกู้จนถึงเพดานไม่สามารถปล่อยเพิ่มได้แล้ว ซึ่งทำให้ดู “น่ากลัวมาก” ถ้าวันหนึ่งหุ้นตกลงมาจนนักลงทุนถูก Force Sell ซึ่งอาจทำให้ตลาดถล่มทะลาย นอกจากนั้น ข่าวเกี่ยวกับความคิดของรัฐบาลที่จะเก็บภาษีกำไรจากการขายหุ้นของบุคคลธรรมดาซึ่งอาจจะสูงถึง 20% ก็เป็นสิ่งที่น่าห่วงมากแม้ว่าวันนี้นักลงทุนยังไม่ได้ตระหนักว่ามันอาจจะทำลายการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้
และนั่นทำให้เราต้องมาคิดและประเมินถึง “ความเสี่ยง” ของการลงทุนในตลาดหุ้นเวียตนามในช่วงเวลานี้ว่า หุ้นแพงเกินไปไหม?
คำตอบของผมก็คือ การฟื้นตัวหรือปรับตัวของหุ้นเวียตนามในรอบประมาณ 6-7 เดือนที่ผ่านมานั้น ส่วนใหญ่เป็นการปรับตัวของหุ้นขนาดใหญ่หรือยักษ์จำนวนไม่กี่ตัวเป็นหลัก คร่าว ๆ ก็คือแค่หุ้นกลุ่ม “VIN Group” ที่ประกอบด้วยตัวหลักคือVIC VHM และ VRE ที่ทำธุรกิจใหญ่โตมากในด้านของอสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้านจัดสรรและห้างสรรพสินค้า รถยนต์ และอื่น ๆ
ราคาหุ้นของกลุ่ม วินกรุ๊ปที่เคยตกต่ำมากเพราะมีปัญหาทางการเงินเริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างแรงเพราะสถานการณ์ทางการเงินของกลุ่มเริ่มดีขึ้นมากในช่วงเร็ว ๆ นี้ ซึ่งทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปกว่า 100% ในเวลาไม่กี่เดือนจนมีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของตลาดหุ้น การปรับตัวขึ้นของหุ้นเพียง 3-4 ตัวดังกล่าวมีส่วนทำให้ดัชนีตลาดหุ้นเพิ่มขึ้นไปกว่า 10% แล้ว จากทั้งตลาดที่ปรับตัวขึ้นไป 18% นับจากต้นปี
ซึ่งนั่นก็อาจจะคล้าย ๆ กับหุ้นกลุ่ม 7 นางฟ้าของอเมริกาที่ปรับตัวขึ้นไปมโหฬารโดยที่หุ้นอื่น ๆ ทั้งตลาดโตขึ้นน้อยมาก หรือคล้าย ๆ กับตลาดหุ้นไทยที่หุ้นยักษ์บางตัวราคาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวและมีผลกับดัชนีตลาดอย่างมาก
ว่าที่จริง หุ้นในพอร์ตเวียตนามของผมเองที่เป็นหุ้น “ซุปเปอร์สต็อก” จำนวนประมาณ 6-7 ตัวที่เคยสร้างผลงานยอดเยี่ยมในปี 2567 พอถึงปีนี้ที่ดัชนีหุ้นขึ้นไปมากแต่พอร์ตผมก็ยังขาดทุนอยู่ และต้องเฝ้าดูหุ้นกลุ่มอื่นปรับตัวเพิ่มขึ้นมากทั้ง ๆ ที่ผลประกอบการก็ยังไม่ดี มีแต่ “สตอรี่” ที่ยังไม่รู้ว่าจะเป็นจริงแค่ไหน ราคาหุ้นขึ้นเอา ๆ ทั้งที่ราคาหุ้นคิดเป็น PE ก็สูงมากอยู่แล้ว
แต่อย่างไรผมเองก็คงไม่เปลี่ยนตัวหุ้นที่ลงทุน ผมคิดว่าการลงทุนระยะยาวแบบผมนั้น ก็ต้องมีเวลาที่จะแย่กว่าตลาดหรือหุ้นกลุ่มอื่น เพียงแต่ว่าโดยเฉลี่ยทั้งปีที่ดีและปีที่แย่ ผมจะได้ผลตอบแทนที่เหนือกว่าตลาดแค่นั้นก็พอ และผมก็หวังแค่ว่าเวลาที่เหลือของปีนี้ พอร์ตเวียตนามของผมจะตีตื้นขึ้นมาเสมอตัวก็พอใจแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร สำหรับคนที่ลงทุนกองทุนอิงดัชนีเวียตนาม ก็ไม่ต้องสนใจว่าจะเกิดการเลือกหุ้นที่ผิดพลาดและทำให้ผลตอบแทนการลงทุนแย่ สิ่งที่จะต้องคำนึงก็คือ ดัชนีตลาดหุ้นจะเป็นอย่างไรปีนี้และปีต่อ ๆ ไป และนั่นทำให้ผมต้องปรึกษากับประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นเวียตนามว่า ความเสี่ยงของการลงทุนในตลาดหุ้นเวียตนามในช่วง 25 ปีที่ผ่านมานั้นเป็นอย่างไร
ตลอด 25 ปี นั้น ดัชนีตลาดหุ้นเวียตนามปรับตัวขึ้น 18 ปี และปรับตัวลดลงเพียง 7 ปี คิดไปแล้วเท่ากับโอกาสปรับขึ้นเป็น 2.57 เท่าของการปรับลง ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยนั้น ปีที่หุ้นปรับตัวขึ้นน่าจะไม่เกิน 1.5 เท่าของการปรับตัวลง ซึ่งก็ถือว่ามีความเสี่ยงสูงกว่ามาก
นอกจากนั้น ถ้าไม่นับช่วงที่เวียตนามเปิดตลาดใหม่ ๆ ในช่วง 5 ปีแรกที่ตลาดยังไม่พร้อม ก็จะพบว่า ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นเวียตนามปรับตัวขึ้น 15 ปี และปรับตัวลงแค่ 5 ปี หรือปีหุ้นขึ้นนั้นประมาณ 75% และปีที่ตลาดตกแค่ 25% ซึ่งถือว่าเป็นสถิติที่ดีมากน่าจะเท่า ๆ กับตลาดสหรัฐในช่วงเวลาหลาย ๆ สิบปีที่ผ่านมา
ว่าที่จริง ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาคือตั้งแต่ปี 2558 ถึงปีที่แล้ว ดัชนีตลาดหุ้นเวียตนามติดลบแค่ 2 ปีคือปี 2561 ที่ -9.3% และปี 2565 ที่ 32.8% อานิสงค์จากปัญหาหุ้นกู้เป็นหนี้เสียของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และการจับการโกงของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนครั้งใหญ่ที่โกงเงินแบ้งค์ครั้งมโหฬารคิดเป็นเงินถึงกว่า 400,000 ล้านบาท แล้ว ที่เหลืออีก 8 ปี ดัชนีตลาดหุ้นเวียตนามก็เป็นบวกทุกปีเฉลี่ยแล้วปีละ 18.9%
ดังนั้น ข้อสรุปของผมก็คือ ตลาดหุ้นเวียตนามปีนี้และปีต่อไปอีกอย่างน้อย 2-3 ปี น่าจะเป็นปีที่สดใสและดัชนีตลาดหุ้นน่าจะมีโอกาสวิ่ง “ติดจรวดสู่ดวงจันทร์” ได้ เพราะประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นจาก Frontier เป็น Emerging Market ในกรณีของ MSCI ที่เวียตนามคาดว่าจะได้เข้าดัชนีในอีกไม่เกิน 2-3 ปีข้างหน้า หุ้นมักจะวิ่งขึ้นแรงกว่าปกติมาก และหุ้นเวียตนามก็น่าจะเป็นแบบนั้นเช่นเดียวกัน
ข่าวคนถูกรางวัลที่ 1 สลากออมสิน 30 ล้านบาท
ข่าวคนถูกรางวัลที่ 1 สลากออมสิน 30 ล้านบาท
เห็นได้ว่า คนทั่วไปก็มีโอกาสถูกรางวัลใหญ่ สลากออมสิน
ที่มา https://today.line.me/th/v3/article/LX3q7D0
ป้ายกำกับ:
สลากกินแบ่ง,
สลากกินแบ่งรัฐบาล,
สลากออมสิน,
หวย,
investment,
lotto
01 สิงหาคม 2568
ไขข้อสงสัย ทำไมคนญี่ปุ่นถึงอายุยืน
รู้มั้ยว่า ชาวญี่ปุ่นมีอายุเฉลี่ยยืนยาวที่สุดจนติดอันดับ 1 - 5 ของโลก ผลการประเมิน และจัดอันดับจาก IHME (Institute for Health Metrics and Evaluation) ระบุชัดเจนว่าจนถึงปี 2040 ชาวญี่ปุ่นจะมีอายุเฉลี่ยก่อนเสียชีวิตที่ประมาณ 85.7 ปี ถือว่ามีอายุเยอะมาก ๆ
สาเหตุที่ทำให้ญี่ปุ่นมีอายุเฉลี่ยที่ยืนยาว นั่นเป็นเพราะมีหลักการในการดำเนินชีวิตหนึ่งที่เรียกว่า Ikigai หรือเหตุผลของการมีชีวิตอยู่ที่ชาวญี่ปุ่นยึดถือทำให้เกิดความสุขทางใจ นอกจากนั้นพวกเขาใส่ใจกับเรื่องอาหารคลีนเป็นอย่างมาก ญี่ปุ่นขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องของการมีวัตถุดิบที่มีความสด มีคุณภาพสูง มีคุณค่าทางอาหารสูง นั่นหมายถึงร่างกายคุณก็ดีตามด้วยเช่นกัน
ชาวญี่ปุ่นยังมีนิสัยรักการเดินหรือการปั่นจักรยานมากกว่าใช้ยานพาหนะทุ่นแรง ซึ่งการเดินหรือปั่นจักรยานนี่เองเป็นอีกเทคนิคออกกำลังกายสำคัญที่ชาวญี่ปุ่นทำกันตลอด และเคล็ดลับสุดท้ายที่ทำให้ชาวอาทิตย์อุทัยมีอายุยืนยาวเพราะพวกเขาเป็นคนรักสะอาดมาก สังเกตได้จากสินค้าที่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันจะเน้นเรื่องความสะอาดเป็นหลัก อาทิ ทิชชูเปียก, น้ำยากำจัดเชื้อแบคทีเรียสำหรับใช้ในรูปแบบต่าง ๆ (ผงซักฟอก, น้ำยาถูพื้น, สเปรย์กำจัดกลิ่นและแบคทีเรีย) เป็นต้น
ที่มา Link
31 กรกฎาคม 2568
30 กรกฎาคม 2568
[ebook online free] Saint Seiya The Lost Canvas
25 กรกฎาคม 2568
เรียน Chat GPT, Co-pilot, LLM ฟรี
เรียน Chat GPT, Co-pilot, LLM ฟรี
23 กรกฎาคม 2568
MongoDB Transactions with mongosh: A Step-by-Step Guide
MongoDB Transactions with mongosh: A Step-by-Step Guide
MongoDB transactions allow you to execute multiple operations as a single, atomic unit. This means either all operations within the transaction succeed and are applied to the database, or if any operation fails, all changes are rolled back. This guide will walk you through the process using the mongosh shell.
Before you begin, ensure you have:
// Create a new client session
After aborting, verify the result in the global database. The data will revert to its state before the transaction began.
MongoDB transactions allow you to execute multiple operations as a single, atomic unit. This means either all operations within the transaction succeed and are applied to the database, or if any operation fails, all changes are rolled back. This guide will walk you through the process using the mongosh shell.
Prerequisites
Before you begin, ensure you have:
- A running MongoDB instance (version 4.0 or higher, as transactions were introduced in 4.0).
- mongosh (MongoDB Shell) installed and connected to your MongoDB instance.
- A sample database and collection. For this guide, we'll assume a database named a_test and a collection named student.
// Switch to the database
use a_test;
// Insert a sample document if it doesn't exist
db.student.insertOne({ _id: "s1", name: "Alice", age: 10, grade: "A" });
// Verify the initial data
db.student.findOne({ _id: "s1" });
Step-by-Step Transaction Example
Follow these steps to perform a transaction:
1. Create a MongoDB Session
Transactions in MongoDB are associated with a session. First, you need to create one.
Step-by-Step Transaction Example
Follow these steps to perform a transaction:
1. Create a MongoDB Session
Transactions in MongoDB are associated with a session. First, you need to create one.
// Create a new client session
session = db.getMongo().startSession();
2. Start the Transaction
Once the session is created, you can initiate a transaction on it. It's good practice to define readConcern and writeConcern for the transaction to ensure data consistency and durability.
2. Start the Transaction
Once the session is created, you can initiate a transaction on it. It's good practice to define readConcern and writeConcern for the transaction to ensure data consistency and durability.
- readConcern: { "level": "snapshot" }: Ensures that reads within the transaction see a consistent snapshot of the data, preventing dirty reads and non-repeatable reads.
- writeConcern: { "w": "majority" }: Ensures that write operations are acknowledged by the majority of the replica set members, providing strong durability guarantees.
session.startTransaction({
"readConcern": { "level": "snapshot" },
"writeConcern": { "w": "majority" }
});
3. Get the Collection within the Session
All operations within the transaction must be performed on collections obtained through the session object.
3. Get the Collection within the Session
All operations within the transaction must be performed on collections obtained through the session object.
// Get the 'student' collection from the 'a_test' database within the session
coll = session.getDatabase('a_test').getCollection('student');
4. Check Data (Pre-Update)
You can perform read operations within the transaction. This read will reflect the state of the data before any modifications made within the current transaction, but it will see the latest committed data from outside the transaction.
coll = session.getDatabase('a_test').getCollection('student');
4. Check Data (Pre-Update)
You can perform read operations within the transaction. This read will reflect the state of the data before any modifications made within the current transaction, but it will see the latest committed data from outside the transaction.
// Find the document with _id "s1"
coll.findOne({ _id: "s1" });
// Expected output (assuming initial state): { _id: "s1", name: "Alice", age: 10, grade: "A" }
5. Update Data within the Transaction
Now, perform your write operation. This change is not yet visible to other sessions or outside this transaction. It's only staged within the current transaction's context.
5. Update Data within the Transaction
Now, perform your write operation. This change is not yet visible to other sessions or outside this transaction. It's only staged within the current transaction's context.
// Update the 'age' field for the document with _id "s1"
coll.findOneAndUpdate({ _id: "s1" }, { $set: { age: 11 } });
6. Check Data Again (Within Transaction)
If you check the data again within the same transaction, you will see the updated value. This demonstrates that changes are visible locally within the transaction's scope before being committed globally.
6. Check Data Again (Within Transaction)
If you check the data again within the same transaction, you will see the updated value. This demonstrates that changes are visible locally within the transaction's scope before being committed globally.
// Check the document again within the transaction
coll.findOne({ _id: "s1" });
// Expected output: { _id: "s1", name: "Alice", age: 11, grade: "A" }
7. Global Verification (Before Commit/Abort)
To confirm that the changes are not yet public, open a new mongosh window or session and query the same document. You will see the original age value.
7. Global Verification (Before Commit/Abort)
To confirm that the changes are not yet public, open a new mongosh window or session and query the same document. You will see the original age value.
// In a NEW mongosh window/session:
use a_test;
db.student.findOne({ _id: "s1" });
// Expected output: { _id: "s1", name: "Alice", age: 10, grade: "A" }
Finalizing the Transaction: Abort or Commit
You have two options to finalize the transaction: aborting it (rolling back changes) or committing it (making changes permanent).
Finalizing the Transaction: Abort or Commit
You have two options to finalize the transaction: aborting it (rolling back changes) or committing it (making changes permanent).
Option A: Abort Transaction (Rollback)
If you decide to cancel the changes made within the transaction, you can abort it. All modifications made since startTransaction() will be discarded.
If you decide to cancel the changes made within the transaction, you can abort it. All modifications made since startTransaction() will be discarded.
// Abort the transaction
session.abortTransaction();
print("Transaction aborted. Changes rolled back.");
After aborting, verify the result in the global database. The data will revert to its state before the transaction began.
// Verify the result in the global database (in any mongosh window)
use a_test;
db.student.findOne({ _id: "s1" });
// Expected output: { _id: "s1", name: "Alice", age: 10, grade: "A" }
Option B: Commit Transaction (Apply Changes)
If the operations within the transaction were successful and you want to make the changes permanent and visible to all other sessions, you commit the transaction.
Option B: Commit Transaction (Apply Changes)
If the operations within the transaction were successful and you want to make the changes permanent and visible to all other sessions, you commit the transaction.
// Commit the transaction
session.commitTransaction();
print("Transaction committed. Changes applied to the database.");
After committing, verify the result in the global database. The data will now reflect the changes made within the transaction.
After committing, verify the result in the global database. The data will now reflect the changes made within the transaction.
// Verify the result in the global database (in any mongosh window)
use a_test;
db.student.findOne({ _id: "s1" });
// Expected output: { _id: "s1", name: "Alice", age: 11, grade: "A" }
Important Notes on Transactions
This guide provides a foundational understanding of using transactions in MongoDB with mongosh.
Important Notes on Transactions
- Replica Sets Only: Transactions are only supported on replica sets. They are not available on standalone MongoDB instances.
- Sharded Clusters: Transactions are also supported on sharded clusters starting from MongoDB 4.2.
- Size Limitations: There are limitations on the number of operations and total document size within a single transaction.
- Error Handling: In a real application, you would wrap transaction operations in try-catch blocks to handle potential errors and ensure abortTransaction() is called if an error occurs.
- Session Management: Always ensure you close or end sessions properly in your application code to free up resources. In mongosh, the session is automatically managed when you close the shell or if it's explicitly ended.
This guide provides a foundational understanding of using transactions in MongoDB with mongosh.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
บทความยอดนิยม (ล่าสุด)
-
หมากฮอส เป็นกีฬาหมากกระดานประเภทหนึ่ง ประกอบด้วยผู้เล่น 2 ฝ่าย อุปกรณ์การเล่น ได้แก่ กระดานและตัวหมาก ...
-
หลายคนที่กำลังลังเลว่าจะทำงานอะไร มักจะมีคำถามว่า ทำงานข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือ พนักงานบริษัทเอกชน ทำงานอะไรดี? ซึ่งกลุ่มงานทั้ง ...
-
รู้มั้ยว่า ชาวญี่ปุ่นมีอายุเฉลี่ยยืนยาวที่สุดจนติดอันดับ 1 - 5 ของโลก ผลการประเมิน และจัดอันดับจาก IHME (Institute for Health Metrics and Ev...
-
ที่มา https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=122111201762390122&id=61561703667907
-
To replace each new line with enter ( \n) in Visual Studio Code ( vscode ) do the steps from images below and click "Replace All...
-
MongoDB check index creation progress information db.adminCommand( { currentOp: true, $or: [ { op: "command", "command.create...
-
วันที่ 28 กรกฎาคม 2025 เป็นวันครบรอบ 25 ปี ของการเปิดตลาดหุ้นเวียตนาม ผมนั่งดูกราฟดัชนีตลาดหุ้นเวียตนามในช่วงตั้งแต่ต้นปีนี้แล้วก็รู้สึกทึ่...
-
ข่าวคนถูกรางวัลที่ 1 สลากออมสิน 30 ล้านบาท เห็นได้ว่า คนทั่วไปก็มีโอกาสถูกรางวัลใหญ่ สลากออมสิน ที่มา h ttps://today.line.me/th/v3/article/L...
-
MongoDB Transactions with mongosh: A Step-by-Step Guide MongoDB transactions allow you to execute multiple operations as a single, atomic un...
บทความยอดนิยม (1 ปีย้อนหลัง)
-
หมากฮอส เป็นกีฬาหมากกระดานประเภทหนึ่ง ประกอบด้วยผู้เล่น 2 ฝ่าย อุปกรณ์การเล่น ได้แก่ กระดานและตัวหมาก ...
-
หลายคนที่กำลังลังเลว่าจะทำงานอะไร มักจะมีคำถามว่า ทำงานข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือ พนักงานบริษัทเอกชน ทำงานอะไรดี? ซึ่งกลุ่มงานทั้ง ...
-
To replace each new line with enter ( \n) in Visual Studio Code ( vscode ) do the steps from images below and click "Replace All...
-
แจกฟรี โปรแกรมคำนวณเงินเก็บเพื่อวางแผนเกษียณ วิธีใช้งานไม่ยาก ช่องสีเหลือง แถวแรก "เงินเก็บต่อเดือน" ให้กรอกเงินเก็บต่อเดือนที่เรา...
-
สำหรับร่างกฎกระทรวงใหม่ ของสำนักงานปนะกันสังคม (สปส.) ฉบับนี้ เตรียมมีผลบังคับใช้ 1 ม.ค. 69 หลัก ๆ จะปรับปรุงกำหนดค่าจ้างขั้นสูงที่ใช้เป็นฐ...
-
เมตตาทุนนิยม - ปรีชา ประกอบกิจ เคยได้ยินคำว่า “เมตตาทุนนิยม” ซึ่งตรงกับภาษาอังกฤษว่า Com passionate Capitalism กันบ้างไหมครับ ก่อนอื่นต...
-
REIT คืออะไร สมัยก่อน เรามักจะเห็นคนรวยชอบซื้อ ชอบสะสมอสังหาริมทรัพย์ ที่มีทำเลดีๆ และราคาไม่สูงมาก ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน บ้าน ทาวน์เฮ้าส์ เพ...
-
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คือ ภาษีที่จัดเก็บจากบุคคลทั่วไป หรือจากหน่วยภาษีที่มีลักษณะพิเศษ ตามที่กฎหมายกำหนดและมีรายไ...
-
ต้องทำความเข้าใจเสียใหม่! คนรวย (อาจ) ไม่ได้เก่งเท่าที่คุณคิด พวกเขาแค่ ‘โชคดี’ กว่า เคยได้ยินประโยคที่ว่า ‘ถ้าเก่งจริงทำไมไม่รวย?’ หรือเปล่...
-
ตารางรถไฟจากกรุงเทพไปหัวหิน ตารางรถไฟจากหัวหินไปกรุงเทพ บรรยากาศสวยๆ บริเวณสถานีรถไฟหัวหิน บรรยากาศชายหาดหั...