มีถามกันมามากจัง และผมเห็นคนที่มาตอบส่วนใหญ่ตอบแบบไม่รู้หรือตอบแบบผิดๆ ในฐานะคร่ำหวอดในเรื่องนี้จึงมาเล่าให้น้องๆฟัง
ปัจจุบัน แฟรนไชส์ 7-11 มี 2 แบบ คือ Type B และ Type C ครับ
แฟรนไชส์ (Franchise) 7-11 Type B
ปัจจุบัน แฟรนไชส์ 7-11 มี 2 แบบ คือ Type B และ Type C ครับ
แฟรนไชส์ (Franchise) 7-11 Type B
ลงทุน 1,500,000 บาท แบบนี้ส่วนใหญ่จะให้เฉพาะ พนักงานระดับผจก.สาขา(เงินเดือนหมื่นต้นๆ) ที่ต้องการยกระดับเป็นเจ้าของร้าน ซึ่งรายได้จะได้เฉลี่ย 20,000 บาท หรือหากขายดีมากๆก็ได้เพิ่มขึ้นจนถึง 3-40,000 บาท จึงขอผ่านแบบนี้ไป
แฟรนไชส์ (Franchise) 7-11 Type C
แฟรนไชส์ (Franchise) 7-11 Type C
แบบนี้สำหรับบุคคลทั่วไป ลงทุน 2,700,000 บาท(รวมเงินประกัน 900,000 บาท ได้คืนเมื่อเลิก)เมื่อไม่นานแค่ 2,400,000 บาท และแบบนี้จะได้ส่วนแบ่ง 54% ของกำไรขั้นต้น(ประมาณ 23-25%) ยกตัวอย่าง
ขายวันละ 40,000 บาท = 30 x 40,000 = 1,2000,000 /เดือน
กำไรขั้นต้น 24% = 1,200,000 x 24/100 = 288,000 บาท
ได้ส่วนแบ่ง 54% = 288,000 x 54/100 = 155520 บาท....(1)
ค่าใช้จ่าย
รวม =124,000 บาท.....(2)
หมายเหตุ รายจ่ายอาจจะมากกว่านี้ เช่น ขายดีก็มี พนง.มากกว่านี้ ค่าถุง ค่าตัดจ่าย และสินค้าสูญหาย ฯลฯ แต่โดยทั่วไปค่าใช้จ่ายสูงสุดไม่น่าเกิน 150,000 บาท/เดือน
แต่ นอกจากนี้ยังมีรายได้อื่นๆ เช่น เคาเตอร์เซอร์วิส ค่าตั้งโชว์ต่างๆ ประมาณเดือนละ 10,000-20,000..คิดว่า 15,000 บาท.......(3)
รายได้ จริงๆจึง(1)+(3)-(2) = 155,520+15,000-124,000 จะมีรายรับ = 46520 บาท/เดือน
ราย ได้นี้ยกมาจากยอดขายวันละ 40,000 บาท ที่เป็นยอดขายกลางๆ ที่มีลูกค้าเข้าประมาณวันละ 1000 คน...
ขายวันละ 40,000 บาท = 30 x 40,000 = 1,2000,000 /เดือน
กำไรขั้นต้น 24% = 1,200,000 x 24/100 = 288,000 บาท
ได้ส่วนแบ่ง 54% = 288,000 x 54/100 = 155520 บาท....(1)
ค่าใช้จ่าย
- ค่าพนักงาน 9 คน (9 x 6000 ) = 54,000 บาท
- ค่าไฟฟ้า = 40,000 บาท
- ค่า โทรศัพท์ น้ำ อื่นๆ = 30,000 บาท
รวม =124,000 บาท.....(2)
หมายเหตุ รายจ่ายอาจจะมากกว่านี้ เช่น ขายดีก็มี พนง.มากกว่านี้ ค่าถุง ค่าตัดจ่าย และสินค้าสูญหาย ฯลฯ แต่โดยทั่วไปค่าใช้จ่ายสูงสุดไม่น่าเกิน 150,000 บาท/เดือน
แต่ นอกจากนี้ยังมีรายได้อื่นๆ เช่น เคาเตอร์เซอร์วิส ค่าตั้งโชว์ต่างๆ ประมาณเดือนละ 10,000-20,000..คิดว่า 15,000 บาท.......(3)
รายได้ จริงๆจึง(1)+(3)-(2) = 155,520+15,000-124,000 จะมีรายรับ = 46520 บาท/เดือน
ราย ได้นี้ยกมาจากยอดขายวันละ 40,000 บาท ที่เป็นยอดขายกลางๆ ที่มีลูกค้าเข้าประมาณวันละ 1000 คน...
ข้อเสียของร้าน 7-11
ข้อเสียของร้าน 7-11 ที่พบมากคือ หากสาขามียอดขายเกินวันละ 70,000 บาท บริษัทก็ต้องเปิดสาขาเพิ่มในบริเวณใกล้เคียง เพราะ ..
1.บริเวณนั้น มีศักยภาพที่เปิดเพิ่มได้ ถ้าไม่เปิด คู่แข่งก็อาจจะมาเปิด
2.สาขาเดิม ที่มีอยู่จะบริการไม่ทัน ลูกค้าจะเกิดความเบื่อหน่ายได้
เมื่อ เดือนที่แล้วผมเจอ แฟรนไชส์ คนหนึ่งแต่ก่อนทำร้าน 7-11 แถวหน้าราม ต่อมาบริษัทเปิดใกล้ๆก็เลยโกรธเลิกทำแต่ก็ให้บริษัทเช่าตึกทำต่อได้ค่าเช่า เดือนละ แสนกว่าบาท ปรากฏว่า ปัจจุบัน สาขานั้นขายวันละ ร่วมแสนบาท (ลองใช้สูตรเดิมข้างบนนะครับ) ตอนนี้ก็บอกว่า น่าจะทำต่อ
การเปิด ร้าน 7-11 จึงขึ้นกับทำเล หากได้ทำเลที่ดีมีโอกาสที่จะมีรายได้เดือนกว่า 100,000 บาทโดยงานก็คือบริหารร้านแต่มีระบบช่วย แต่ถ้าทำเอง ต้องวิ่งไปหาซื้อสินค้ามาจัดเรียงมาจัดโชว์ มานั่งเก็บเงินเอง และสุดท้ายก็เป็นภาระผูกพันไปไหนไม่ได้
ปัจจุบันการทำค้าปลีกไม่ ได้แค่ซื้อมาขายไปต้องมีระบบโลจิสติค ระบบคุมการรั่วไหล และบริการอื่นๆ ซึ่งจุดแข็งของ 7-11 คือ เคาเตอร์เซอร์วิส
ที่มา http://topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2006/12/B4947603/B4947603.html
1.บริเวณนั้น มีศักยภาพที่เปิดเพิ่มได้ ถ้าไม่เปิด คู่แข่งก็อาจจะมาเปิด
2.สาขาเดิม ที่มีอยู่จะบริการไม่ทัน ลูกค้าจะเกิดความเบื่อหน่ายได้
เมื่อ เดือนที่แล้วผมเจอ แฟรนไชส์ คนหนึ่งแต่ก่อนทำร้าน 7-11 แถวหน้าราม ต่อมาบริษัทเปิดใกล้ๆก็เลยโกรธเลิกทำแต่ก็ให้บริษัทเช่าตึกทำต่อได้ค่าเช่า เดือนละ แสนกว่าบาท ปรากฏว่า ปัจจุบัน สาขานั้นขายวันละ ร่วมแสนบาท (ลองใช้สูตรเดิมข้างบนนะครับ) ตอนนี้ก็บอกว่า น่าจะทำต่อ
การเปิด ร้าน 7-11 จึงขึ้นกับทำเล หากได้ทำเลที่ดีมีโอกาสที่จะมีรายได้เดือนกว่า 100,000 บาทโดยงานก็คือบริหารร้านแต่มีระบบช่วย แต่ถ้าทำเอง ต้องวิ่งไปหาซื้อสินค้ามาจัดเรียงมาจัดโชว์ มานั่งเก็บเงินเอง และสุดท้ายก็เป็นภาระผูกพันไปไหนไม่ได้
ปัจจุบันการทำค้าปลีกไม่ ได้แค่ซื้อมาขายไปต้องมีระบบโลจิสติค ระบบคุมการรั่วไหล และบริการอื่นๆ ซึ่งจุดแข็งของ 7-11 คือ เคาเตอร์เซอร์วิส
ที่มา http://topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2006/12/B4947603/B4947603.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น