เซเว่นฯแก้เกมร้านแฟรนไชส์ปิด ลุยเปิดเองก่อนให้แฟรนไชส์สวม
นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอิ่มสะดวกเซเว่น อีเลฟเว่น เปิดเผยว่า จากปัญหาที่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นที่หาทำเลเปิดร้านเอง แต่เป็นทำเลที่ไม่ค่อยมีศักยภาพเท่าไรส่งผลต่อยอดขายไม่คุ้มค่า และไม่ประสบความสำเร็จจนต้องปิดสาขาไปจำนวนมากนั้น ทำให้บริษัทฯต้องหันกลับมาใช้นโยบายการขยายสาขาและลงทุนเองก่อนเพื่อให้สาขานั้นประสบความสำเร็จ ก่อนที่จะเปิดขายต่อให้กับผู้สนใจมาซื้อแฟรนไชส์ต่อไป เพื่อที่จะได้สามารถควบคุมคุณภาพการบริการและการหาทำเลเปิดร้านที่มีประสิทธิภาพได้
ทั้งนี้บริษัทฯยังได้หาทางช่วยเหลือผู้สนใจที่จะซื้อแฟรนไชส์แต่ไม่พร้อมเรื่องเงินทุนด้วย ล่าสุดได้ร่วมมือกับ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารนครหลวงไทย เพื่อร่วมกันปล่อยสินเชื่อพิเศษสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยของธุรกิจแฟรนไชส์ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ โดยคาดว่า จากการเปิดให้บริการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำครั้งนี้จะส่งผลให้ สัดส่วนร้านเซเว่นฯที่เป็นแฟรนไชส์เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 50% จากปัจจุบันสัดส่วนอยู่ที่ 45% และคาดว่าในอีก3 ปีข้างหน้าสัดส่วนร้านแฟรนไชส์จะเพิ่มเป็น 58% ทั้งนี้ปีนี้บริษัทฯมีแผนในการลงทุนเปิดร้านเซเว่นอีเลฟเว่นประมาณ 400-500 สาขาทั่วประเทศ ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านๆมา
นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส กล่าวเสริมถึงการทำตลาดในส่วนของเซเว่นแคตตาล็อกด้วยว่า ปัจจุบันนี้มีสินค้าในเซเว่นแคตตาล็อคที่นำเข้ามาขายในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นประมาณ 30 กว่ารายการ ซึ่งในระยะยาวแล้วมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนสินค้ามากขึ้น เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้า และยังเป็นการสร้างทางเลือกให้กับลูกค้าของเซเว่นฯ โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะเพิ่มขึ้นอีกอย่างต่ำ 50%
สำหรับสินค้าที่จะนำเข้ามาจำหน่ายในร้านเซเว่นฯนั้นจะเน้นไปที่กลุ่มสินค้า ที่ได้รับความนิยมอย่างมากเช่น กลุ่มสินค้าสุขภาพและความงาม โดยกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่นำเข้ามาขายในร้านเซเว่นฯเป็นกลุ่มล่าสุด ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้นำเอากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กเข้ามาวางจำหน่ายไปแล้วในบางสาขา
จากแผนการขยายสาขาต่อเนื่อง การปรับเป็นร้านอิ่มสะดวก รวมทั้งการมีสินค้าและบริการที่ตอบสนองลูกค้าได้อย่างดี คาดว่าสิ้นปีนี้จะสามารถทำรายได้รวมประมาณ 110,000 ล้านบาท มีการเติบโต 10-15% จากปีที่แล้ว ที่มีรายได้ประมาณ 90,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตในระดับเดียวกับภาพรวมธุรกิจค้าปลีกที่ปีนี้คาดว่าจะมีการเติบโตประมาณ 10-15%
ที่มา http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrview.aspx?NewsID=9530000015671
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น