การทยอยออมในหุ้น
ทางเลือกหนึ่งในการออมเพื่อให้เงินทำงาน คือ การทยอยออมในหุ้น
แต่พอพูดถึงเรื่องหุ้น หลายคนอาจจะมองว่า การลงทุนในหุ้นมีความเสี่ยงกว่าการฝากเงินในธนาคารมาก เพราะซื้อแล้ว ราคาหุ้นอาจตก ทำให้เงินต้นของเราหายไปได้เช่นกัน
และพอเริ่มคิดๆ ว่า เงินที่เราอุตสาห์เก็บหอมรอมริบสำหรับวัยเกษียณของเราอาจจะหายไปได้ ก็อดใจหายได้เช่นกัน หลายคนเลยยอมกล้ำกลืนฝืนทน ฝากเงินทิ้งไว้ที่ธนาคาร ทั้งๆ ที่ได้ผลตอบแทนไม่มากนัก เนื่องจากรู้สึกปลอดภัยว่า เงินต้นจะอยู่ครบ
หลายคนยังคิดอีกว่า ตนไม่มีความรู้ ไม่มีเวลา และโดยเฉพาะไม่มีเงิน คิดว่าเรื่องลงทุนในหุ้นเป็นเรื่องของคนรวยๆ เท่านั้น
ในเรื่องนี้ ในอดีตที่ผ่านมา เรามีทางเลือกไม่มากสำหรับการให้เงินของเราทำงาน เพื่อมีลูกหลานมารับใช้เราในอนาคต เพราะถ้าจะลงทุนในหุ้น ก็ต้องใช้เงินพอสมควร จึงจะคุ้มกับเวลาที่เราใส่ลงไป แต่ปัจจุบันมีทางออกที่น่าสนใจมากขึ้นที่ทำให้ทางเลือกนี้พอเป็นไปได้
มีบริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนหลายแห่ง เริ่มเห็นถึงความต้องการของคนซึ่งมีรายได้ไม่มากนักที่จะออมในหุ้น และได้จัดเสนอโปรแกรมการ “ทยอยออมในหุ้น” ให้กับผู้ที่ฝากเงินรายย่อยในช่วงที่ผ่านมา โดยจะต้องเก็บออมอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน ในวันที่กำหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็นต้นเดือน กลางเดือน ปลายเดือน ซื้อหุ้น หรือกองทุนรวมที่ตนเองสนใจ โดยใช้เงินไม่มากนัก 1,000 บาท 2,000 บาท ต่อเดือน ตามแต่กำลังว่าอยากเก็บออมเท่าไร
ข้อดีของโปรแกรมการ “ทยอยออมในหุ้น” นี้ มีหลายเรื่อง
1. เพิ่มผลตอบแทน ให้เงินทำงานให้เข้มแข็งขึ้น การลงทุนในหุ้นแม้จะมีความผันผวนในแต่ละช่วงมาก แต่ว่าในระยะยาว ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงินในธนาคารโดยเฉลี่ย ตรงนี้สำคัญมาก เพราะว่า ที่เราเก็บออมเอาไว้ ก็เพราะต้องการดอกผลมาเลี้ยงตนเองในยามชรา แต่ถ้าไปฝากเงินที่แบงก์เพียงอย่างเดียว ดอกผลที่ได้จะไม่มากพอที่จะเลี้ยงตนเองได้ตลอดรอดฝั่ง เคยมีคนศึกษาว่า ถ้าออมในเงินฝากอย่างเดียวจะเลี้ยงตนเองได้ประมาณ 9 ปีหลังเกษียณ แต่ถ้าแบ่งเงินจำนวนเดียวกัน ฝากไว้ในแบงก์และหุ้นอย่างละครึ่ง จากเงินต้น ดอกผลที่ได้ จะเลี้ยงตนเองได้ 20 ปี
ตรงนี้สำคัญมาก เพราะถ้าออมเพื่อเลี้ยงชีวิตยามชราแต่ท้ายสุดต้นดอกผลไม่พอเลี้ยงชีวิต ก็ต้องหาทางเลือกอื่นมาช่วย
2. สร้างนิสัยในการลงทุนโดยไม่ต้องคิดมากเรื่องจังหวะเวลา เน้นการลงทุนระยะยาว ในกิจการที่คิดว่าจะมีอนาคต โดยไม่ต้องมานั่งกลุ้มใจว่า เวลาไหนที่ควรจะเข้า ไม่ต้องกังวลใจกับการขึ้นลงรายวันของหุ้น ซื้อตามที่กำหนดไว้ ในวงเงินที่ตกลงไว้ อย่างสม่ำเสมอ ตรงนี้เป็นหัวใจสำคัญ เพราะว่าหลายคนมักจะลังเล ว่าจะเข้าตอนไหนดี มักจะรอที่จะได้ราคาต่ำที่สุด แต่ว่าหลายครั้งก็มัวรั่งๆ รอๆ จนไม่ได้ลงทุน การมีเวลากำหนดไว้ชัดเจนช่วยได้มาก พอเลือกเรียบร้อยแล้วว่าเราต้องการความเสี่ยงแค่ไหน หุ้นอะไร หรือกองทุนรวมอะไร ก็ทยอยออมไปเรื่อยๆ ตลาดอาจจะขึ้นบ้างลงบ้าง แต่การลงทุนลักษณะนี้ ไม่เน้นกำไรสั้นๆ มองอนาคตยาวๆ 5 ปี 10 ปี เพื่อรับผลตอบแทนทั้งจากปันผล และราคาที่จะเพิ่มขึ้นที่สูง และชนะผลตอบแทนจากเงินฝากในระยะยาว
3. ฝึกนิสัยไม่ตื่นกลัว หลายๆ ครั้ง เมื่อหุ้นตกลง ก็มักจะขึ้นมาใหม่ แต่ปัญหาของหลายคน ก็คือ พอหุ้นตกก็มักจะตื่นกลัว พอตื่นกลัวก็จะรีบขาย บางทีเจ้าหน้าทีก็มาบอกให้รีบขาย ก็ทำตาม ทำให้ขาดทุน แต่ความจริงถ้าอดใจไว้ได้ ลงทุนยาวๆ โดยเฉพาะในหุ้นที่ดี บริษัทมีอนาคต ถ้าข่มใจเป็น อดใจรอได้ ต่อให้ตก อีกไม่นานหุ้นก็กลับขึ้นมาใหม่ (โปรแกรมทยอยออมในหุ้นจะช่วยฝึกนิสัยและความเข้าใจในเรื่องนี้ให้เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะเงินไม่มาก ผู้ลงทุนสามารถทำใจได้ ทำให้คุ้นว่า หุ้นตกได้ หุ้นก็จะกลับขึ้นมาได้) ท้ายสุดนิสัยที่ดีในการลงทุนคือ “เงินเย็น มองยาว เลือกให้ดีแต่ต้น” ก็เกิดขึ้น และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จในการลงทุน แล้วครั้งหน้าจะมาต่อครับว่าจะเลือกอย่างไร ขอให้อดใจรอนิดครับ
from http://www.kobsak.com/?p=2831#more-2831
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น