18 พฤษภาคม 2553

คนตายไม่ได้พูด โดย ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

คนตายไม่ได้พูด โดย ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

ข่าวสารข้อมูลนั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นอาวุธสำคัญในการเอาชนะหรือสร้างความสำเร็จในชีวิตและการแข่งขันในปัจจุบันในหลาย ๆ ด้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุน ดังนั้น ผู้รู้หรือกูรูในด้านการลงทุนจึงมักจะบอกให้เราเปิดหูเปิดตารับข่าวสารให้มากที่สุด ซึ่งรวมถึง ภาวะการเงิน ภาวะเศรษฐกิจ ปัญหาการเมืองทั้งในและต่างประเทศ ข่าวสารเกี่ยวกับบริษัท ความเคลื่อนไหวของคู่แข่งที่จะมีผลต่อพื้นฐานของกิจการ ความเคลื่อนไหวของ “ขาใหญ่” ความเคลื่อนไหวของนักลงทุนต่างประเทศที่จะมีผลต่อราคาหุ้นที่ขึ้นลงนาทีต่อนาที นอกจากนั้นแล้วก็ยังต้องจับตาดูสินทรัพย์การลงทุนกลุ่มต่าง ๆ ที่กำลังปรับตัวขึ้นกันอย่างหวือหวาตั้งแต่ราคาทอง น้ำมัน ตราสารอนุพันธ์ กองทุน FIF ที่ลงทุนในต่างประเทศ คนเชื่อกันว่า ผู้ที่มีข้อมูลมากกว่าและสามารถปรับตัวได้เร็วกว่าจะเป็นผู้ชนะ

แต่ข้อเตือนใจของผมก็คือ เราต้องรู้ว่าข่าวสารที่เราได้รับนั้น บ่อยครั้งมันไม่ได้สะท้อนภาพทั้งหมด ว่าที่จริง ข่าวสารที่เราได้รับส่วนใหญ่สะท้อนภาพที่แท้จริงเพียงด้านเดียวและเป็นภาพที่เล็กมาก นั่นคือ มันสะท้อนมุมมองของผู้ชนะ ผู้ที่ประสบความสำเร็จหรือเคยประสบความสำเร็จที่มีอยู่จำนวนน้อย และมันไม่ได้สะท้อนมุมมองของคนที่พ่ายแพ้หรือล้มเหลวในการลงทุนซึ่งมีจำนวนมากกว่ามาก ดังนั้น เวลาเราได้รับข่าวสาร เราจะต้อง “กรอง” และพินิจพิจารณาอย่างระมัดระวังว่า ข่าวสารนั้นอาจจะมีความ “ลำเอียง” มากน้อยแค่ไหน เราต้องรู้ว่า คนที่บอกข่าวสารนั้น เป็นคนที่ “รอด” จากมหันตรายและกลายเป็น “ฮีโร่” คนเดียว ส่วนคนอื่นอีก 9 คน “ตาย” หมด และไม่มีโอกาสมาพูดเล่าเหตุการณ์นั้นหรือเปล่า และถ้าเป็นเช่นนั้น เราควรจะเชื่อข้อมูลที่ได้รับฟังแค่ไหน

ในช่วงนี้ดูเหมือนว่าจะมีคนได้กำไรจากทองเพราะราคาทองขึ้นไปมาก ข้อมูลที่ออกมาก็คือ ทองเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีมาก ความเสี่ยงก็ต่ำเพราะทองสามารถรักษาคุณค่าไว้ได้เสมอ ที่สำคัญก็คือ ทองนั้นไม่มีการหลอกลวงหรือเก๊เหมือนตราสารการเงินเช่นหุ้นที่ราคาอาจถูกปั่นขึ้นไปสูงมาก หรือพื้นฐานของบริษัทอาจเปลี่ยนแปลงจนทำให้มูลค่าสูญหายได้มาก แต่ทองอย่างไรก็ยังเป็นทองและมันให้ความรู้สึกที่ดีเสมอเวลาเรามองดูมัน แต่ข้อเท็จจริงก็คือ คนที่เคยลงทุนถือทองมานานอาจจะเป็นสิบ ๆ ปี และไม่เคยได้ผลตอบแทนที่ดีเลยก่อนหน้านี้ ไม่เคยได้มีโอกาสพูดเลยว่า การถือทองเป็นการลงทุนที่แย่แค่ไหน ดังนั้น ก่อนที่เราจะลงทุนในทองคำเพราะมีคน ๆ หนึ่งบอกว่าดี เราควรจะคิดว่า ยังอาจจะมีคนอีก 9 คนที่เคยขาดทุนหรือไม่ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนในทองคำเพียงแต่ว่าเขาเหล่านั้นไม่ได้พูดหรือไม่มีโอกาสพูด

ในเรื่องของหุ้นเองนั้น เราคงได้ยินเกี่ยวกับเทคนิคในการลงทุนมากมายที่สามารถทำกำไรได้รวดเร็วและมากมายอย่างไม่น่าเชื่อ เทคนิคเหล่านั้น แน่นอน ถูกบอกเล่าโดยคนที่ประสบความสำเร็จหรือคนเชื่อว่าเขาประสบความสำเร็จจากการใช้วิธีการลงทุนแบบนั้น แต่สิ่งที่เราอาจจะลืมไปก็คือ เทคนิคนั้นอาจจะไม่สามารถใช้ได้ในช่วงเวลาอื่นหรือกับหุ้นตัวอื่น พูดง่าย ๆ ก็คือ เป็นเทคนิคที่ขึ้นอยู่กับกาลเวลาและอาจจะใช้ไม่ได้กับหุ้นทุกตัว ดังนั้น คนที่ใช้หรือเคยใช้เทคนิคนั้นจำนวนมากอาจจะไม่ประสบความสำเร็จและกลายเป็น “ผู้แพ้” ที่ไม่เคยมีโอกาสพูดว่าเทคนิคนั้นเป็นเทคนิคที่ใช้ไม่ได้

หลักทรัพย์ชนิดใหม่ ๆ ที่ออกกันมา จำนวนมากเป็นตราสารอนุพันธ์ที่มีราคาผันผวนมากหรือมีการได้เสียสูงมากเนื่องจากมีการใช้มาร์จินหรือการกู้ยืมมาลงทุนจำนวนมาก การลงทุนในตราสารดังกล่าวอาจจะทำให้คนบางคนกำไรมหาศาลอย่างรวดเร็ว คน ๆ นั้นอาจจะมีโอกาสและได้พูดในที่ต่าง ๆ ทำให้คนรู้สึกว่า ถ้าจะทำกำไรได้รวดเร็วและมากก็ควรจะลงทุนในตราสารเหล่านั้น ในขณะที่ผู้แพ้หรือคนที่ขาดทุนมหาศาลที่มีจำนวนมากกว่ากลับไม่มีโอกาสหรือไม่อยากจะพูดถึง

แม้แต่ในแวดวงของ Value Investor เองก็ไม่พ้นจาก “ความลำเอียง” ที่ว่า ข่าวสารส่วนใหญ่นั้น มักจะสะท้อนแต่เสียงของ “ผู้ชนะ” นั่นก็คือ คนที่ใช้หลักการ Value Investment อ ย่างถูกต้องจะได้ผลตอบแทนอย่างมหาศาลเฉลี่ยปีละหลายสิบเปอร์เซ็นต์ เหตุผลก็คือ ผู้ที่ประสบความสำเร็จสูงจะเป็นคนที่ได้พูดหรืออยากพูด ในขณะที่คนที่ไม่ประสบความสำเร็จจะไม่มีโอกาสหรือไม่อยากพูดถึงความล้มเหลวของตน ดังนั้น ภาพที่ออกมาก็คือ การลงทุนแบบเน้นคุณค่า คุณสามารถคาดหวังผลตอบแทนระยะยาวปีละ 20-30% ได้ไม่ยาก และถ้าเชี่ยวชาญอาจจะได้ถึง 30-40% ในขณะที่ข้อเท็จจริงก็คือ Value Investment นั้น โดยเฉลี่ยผมคิดว่าจะทำได้ดีกว่าดัชนีตลาดหุ้นหรือผลตอบแทนของตลาดปีละไม่น่าจะเกิน 5% สำหรับคนที่ค่อนข้างจะเก่งมาก

อันตรายของการที่เราไม่แยกแยะว่าข้อมูลที่เราได้รับอาจจะเป็นเสียงของผู้ชนะหรือคนที่ “รอดตาย” ก็คือ เราอาจจะเข้าใจผิดและตัดสินใจที่จะเชื่อตามข้อมูลนั้นทั้ง ๆ ที่มันอาจเป็นข้อมูลที่มีโอกาสที่จะเป็นจริงหรือเกิดขึ้นน้อยในขณะที่โอกาสที่จะเกิดผลลัพธ์ตรงกันข้ามมีมากกว่า ผลก็คือ แทนที่เราจะได้กำไร เรากลับขาดทุน ตัวอย่างเช่น ถ้าเราได้รับฟังข้อมูลว่าทองเป็นการลงทุนที่ดี แต่ถ้าเราลงทุนตอนนั้น เราอาจจะขาดทุน เช่นเดียวกับการลงทุนในกองทุน FIF ที่ลงทุนในหุ้นต่างประเทศ เช่นเดียวกับหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทย และเช่นเดียวกับเรื่องอื่น ๆ ที่ผู้ชนะหรือผู้ที่อยู่รอดเท่านั้นที่มีโอกาสพูด และผู้แพ้หรือ “คนตาย” ไม่ได้พูด วิธีที่จะกรองข้อมูลได้ถูกต้องก็คือ เราต้องดูจากสถิติที่เป็นตัวเลขที่รวมข้อมูลทั้งผู้แพ้และผู้ชนะหรือทุกคนและดูเป็นระยะเวลายาวนาน โดยการทำเช่นนี้ เราก็จะไม่ถูกหลอกโดยข้อมูลด้านเดียวของผู้ชนะที่เกิดขึ้นตลอดเวลาน

from http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=26516&postdays=0&postorder=asc&start=0


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความยอดนิยม (ล่าสุด)

บทความยอดนิยม (1 ปีย้อนหลัง)