25 กรกฎาคม 2553

ศิษย์คิดล้างครู


ศิษย์คิดล้างครู

เรื่องจาก : นิทานธรรมะบันเทิง

โดย : พระพิจิตรธรรมพาที

ในอดีต มีครูดาบคนหนึ่งตั้งสำนักสอนเพลงดาบ โดยครูผู้นี้มีฝีมือในเพลงดาบอย่างยอดเยี่ยมยากจะมีผ ู้เสมอเหมือน จึงมีผู้สมัครเป็นศิษย์เล่าเรียนวิชาด้วยจำนวนมาก เมื่อเปิดสอนเพลงดาบเป็นเวลานานปี ก็ยิ่งมีศิษย์เพิ่มขึ้นโดยลำดับ ผู้ที่เรียนสำเร็จจนมีผีมือพอในแล้วก็ลาออกจากสำนักไ ป ผู้ที่ต้องการเรียนก็เข้ามาเป็นศิษย์อีกรุ่นแล้ว รุ่นเล่า จนเวลาล่วงเลยไปช้านาน ครูก็แกตัวลงเพราะอายุสูงขึ้น แต่ว่ายิ่งแก่ก็ยิ่งมีความสุข เพราะมีศิษย์มากมาย ศิษย์ที่รู้คุณทั้งหลายต่างไม่ทอดทิ้งครูตนโดยต่างมี น้ำใจช่วยกันสนองคุณครูด้วยการส่งเงินทองเสื้อผ้า ข้าวปลาอาหาร ตลอดจนสิ่งของต่างๆ ให้ครูได้มีใช้สอย โดยไม่ขาดแคลน ครูผู้นี้จึงเป็นอยู่อย่างสะดวกและมีความผาสุก เพราะสมบูรณ์ด้วยสมบัติโดยควรแก่อัตภาพ

ต่อมา มีชายคนหนึ่งมามอบตัวสมัครเป็นศิษย์ขอเรียนวิชากับคร ูท่านนี้ด้วย เมื่อครูรับศิษย์แล้วเขาได้ตั้งใจเรียนและฝึกซ้อมด้ว ยความเอาใจใส่ ขยัน และรับใช้ใกล้ชิดช่วยปรนนิบัติครู จนครูมีความเมตตาต่อเขาอย่างมาก จึงถ่ายทอดวิชาที่มีให้แก่ศิษย์ผู้นี้โดยไม่ปิดบัง รู้อย่างไรมีฝีมืออย่างใดก็สอนและฝึกฝนให้ได้รู้ได้ม ีฝีมือเหมือนกับครูทุกประการ จนศิษย์คนนี้มีความสามารถเก่งกาจที่คนทั้งหลายต่างยก ย่องเลื่องลือ ว่ามีความรู้และความสามารถเทียบเท่ากับครูไม่ยิ่งหย่ อนกว่ากันเลย

ศิษย์ของครูคนนี้แม้จะเจริญด้วยความรู้และมีความสามา รถในวิชาเพลงดาบอย่างดีเสิศแล้วก็ตาม แต่เป็นคนมีใจชั่วร้าย เขามองข้าวของสมบัติ ของครูด้วยความอิจฉาที่ครูสมบูร์ด้วยทรัพย์ทั้งปวงแล ะยังมีผู้คนทั้งหลายยกย่องสรรเสริญครูนั้น แสลงหูและเสียดแทงหัวใจเขามากเพราะเขาคิดว่าหากไม่มี ครูผู้นี้แล้ว เขาย่อมสามารถตั้งตัวเป็นครูสอนเพลงดาบแทนได้ ด้วยได้รับถ่ายทอดความรู้และความชำนาญจนมีความฉลาดแล ะเชี่ยวชาญไม่แพ้ครู ถ้าครูยังมีชีวิตอยู่เขาย่อมต้องรอเสียเวลาที่จะเริ่ มตั้งตัวให้มีฐานะร่ำรวยได้รวดเร็ว ฉะนั้น เขาจึงคิดที่จะจัดการกำจัดครูของเขาโดยพยายามคิดหาวิ ธีที่เหมาะสมอยู่

จนวันหนึ่งครูมีธุระต้องเดินทางไป ณ สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งห่างไกลจากสำนัก จึงชวนศิษย์ผู้คิดปองร้ายไปเป็นเพื่อนร่วมเดินทางด้ว ย โดยไปกันเพียงสองคน เขาดีใจมากเพราะอาจมีโอกาสได้กำจัดครูในครั้งนี้ แต่ระงับใจไว้ไม่แสดงอาการที่ผิดปกติให้ปรากฏ เมื่อเดินทางกันไปจนพ้นหมู่บ้านคนเข้าบริเวณป่าละเมา ะระหว่างทางเป้นที่เปลี่ยว ชายผู้เป็นศิษย์ชั่วได้ถามครูว่า


"ข้าแต่ครู มีวิชาเพลงดาบใดบ้างที่ครูยังไม่ได้สอนข้าพเจ้า?" ครูตอบตามตรงว่า
"ไม่มีแล้ว ขึ้นชื่อว่าเพลงดาบที่ข้าศึกษาและฝึกฝนมามีอยู่เท่าไ รข้าได้ถ่ายเทสอนเจ้าจนหมดสิ้นไม่มีเหลือ" เมื่อตอบไปแล้ครูมีความสงสัยในคำถามของศิษย์ จึงถามศิษย์บ้างว่า
"เจ้าถามเรื่องนี้ด้วยความประสงค์อันใด?"

ศิษย์ทรยสฟังครูตอบด้วยความดีใจรีบชักดาบที่สะพายอยู ่ออกมา ถือกระชับมือมั่น ตอบครูว่า

"ดีแล้วตาเฒ่า เมื่อสอนวิชาแก่ข้าหมดทุกอย่างแล้วก็ควรตายได้ อย่าอยู่ให้เป็นเครื่องขวางความเจริญของข้าเลย"

พูดจบขยับตัวรำดาบเข้าหาครู ครูดาบไม่มีอาวุธติดตัวมาด้วย มีแต่ร่มกระดาษไม้ไผ่เล็ก ๆ ที่ถือกางแดดมาคันเดียว ได้โบกมือห้ามศิษย์เนรคุณและซักเพื่อทราบความต่อไปว่ า

"เดี๋ยว ! เดี๋ยวก่อน ! เมื่อเจ้าจะทำร้ายข้าก็คงไม่ยาก อะไรหรอก เพราะเจ้ายังหนุ่มอยู่ แต่ข้าแก่แล้ว เจ้ามีอาวุธคือดาบส่วนข้ามีเพียงร่มกระดาษคันเดียวจะ สู้เจ้าได้อย่างไร ?
แต่ข้าอยากรู้ว่าข้าทำอะไรผิดพลาดล่วงเกินจนเจ้าแค้น เคืองอย่างมากหรือ ? เจ้าจึงอาฆาตและต้องการฆ่าข้าช่วยบอกให้ข้ารู้ตัวก่อ นเถิด"

"เปล่า ! ตาเฒ่า แกไม่ได้ทำอะไรล่วงเกินให้ข้าต้องแค้นเคือง" ศิษย์ชั่วตอบ
"ถ้าอย่างนั้น เจ้าจะฆ่าข้าทำไม?" ครูถามต่อไป

ศิษย์เลวทรามผู้นั้นจึงชี้แจงว่า
"เวลานี้ข้ามีความรู้ทัดเทียมแกแล้ว หากแกยังมีชีวิตอยู่ข้าก็ไม่มีโอกาสทำหน้าที่เป้นครู และยังมีผู้ที่เก่งเสมอกันเหลืออยู่ แต่ถ้าแกตายก็จะมีคนเก่งเฉพาะข้าเพียงคนเดียว ซึ่งไม่มีใครเทียมเท่าข้าจึงคิดมานานแล้วที่จะฆ่าแก และเพิ่งได้โอกาสวันนี้เอง" พูดจบศิษย์ถ่อยผู้นั้นใช้ดาบของตนไล่ฟันครูเป็นพัลวั น

ครูได้ฟังรู้เรื่องตลอด หมดความเมตตาต่อศิษย์ชั่ว คิดว่า "เป็นกรรมของสัตว์" บุญเขาหมดเพียงนี้ " เบี่ยงกายหลีกหลบคมดาบแล้วใช้น้ำเย็นล่อ โดยหลอกถามศิษย์ที่หวังร้ายต่อตนว่า
"ข้าสงสัย ดาบของเจ้าดูท่าจะไม่คมพอที่ละลิ้มเลือดในร่างข้ากระ มัง?"
"ไม่ต้องสงสัย อย่างไรเสียแกต้องตายแน่วันนี้ ดาบของข้าลับไว้คมกริบแล้ว " ศิษย์โง่ตกหลุมพราง ครูจึงพูดต่อว่า
"เอาเถิด ถ้าเจ้าว่าดาบของเจ้าคมลองฟันร่มข้าดูซิว่าคันร่มจะห ักไหม?"

พูดจบ ครูยกร่มที่หุบแล้วส่งยื่นล่อ ศิษย์ทรามผู้นั้นชะล่าใจยกดาบฟันฉับลงมาบนร่ม ซึ่งครูหลอกให้ฟันลงตรงท่อนปลาย พอเขาฟันลงครูก็ตวัดร่มรับให้คมดาบตัดปลายร่มขาดพอดี กับไม้ไผ่คันร่มที่ถือไว้ กลายเป็นไม้ที่แหลมเป็นปากฉลามคือเรียวแหลมแล้ว ได้ใช้ความรวดเร็วทิ่มปลายไม้ที่แหลมคมนั้นพุ่งสวนเข ้าสู่ลำคอ ของศิษย์ทรยศอย่างแรงสุดกำลัง โดยเขาไม่อาจป้องกันตัวได้ทัน และไม่เคยเรียนวิธีแก้เรื่องนี้มาก่อนเลย ซ้ำเมื่อครูทิ่มปลายไม่อันเป้นคันร่มนั้นเข้าลำคอเขา จนเป็นเแลลึกทะลุแล้ว ยังทิ้งคาคันร่มที่แทงให้ติดคอเขาอีก ได้รับความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างสุดแสน สิ้นกำลังไม่อาจทรงตัวยืนอยู่ได้ ล้มลงแทบเท้าของครู ดาบหลุดจากมือ แต่ก่อนจะขาดใจตายเขายังมองดูหน้าของครู เห็นครูยิ้มกับเขา และแว่วได้ยินครูพูดกับเขาเป็นครั้งสุดท้ายว่า

"วิชานี้ เรียกว่าวิชาไม้เล็กสู้ดาบ ข้าลืมไปไม่ได้สอนเจ้า เจ้าจึงไม่ได้เรียน ขาดอยู่เพียงวิชานี้วิชาเดียวแท้ ๆ นอกนั้นข้าสอนเจ้าจนหมดสิ้นไม่มีเหลือ"

from http://www.samathi.com/meditation/showthread.php?t=822


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความยอดนิยม (ล่าสุด)

บทความยอดนิยม (1 ปีย้อนหลัง)