วิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด บอกถึงแรงบันดาลใจของบัตร M Geneneration ว่า “เป็นไอเดียจากบัตรเครดิต แต่ M Generation เป็นเหมือนบัตรเครดิตภาคบันเทิง ผมรู้จักกับเจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่งเปิดมา 6 เดือน เงียบมาก แต่พอมีแบงค์หนึ่งติดต่อเข้ามา ตกลงเรื่องโปรแกรมส่วนลด 35% เขาก็โตเร็วเลย ตอนนี้มี 4-5 สาขาแล้ว แสดงว่าบัตรเครดิตใช้เพิ่มยอดขายได้ชัดเจน”
บัตรนี้ไม่มีวันหมดอายุ แต่แต้มที่สะสมมีอายุ 12 เดือน บัตร M Generation แบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามกลุ่มลูกค้า คือ บัตรสำหรับลูกค้าทั่วไปราคา 100 บาท รับ 100 แต้ม และบัตรสำหรับนักเรียน นักศึกษา ราคา 50 บาท รับ 50 แต้ม โดยทุกค่าใช้จ่าย 20 บาท รับคะแนนสะสม 1 แต้ม โดย 1 แต้มมีมูลค่า 1 บาท สามารถนำมาใช้แทนเงินสดได้ที่เมเจอร์ฯ
วิชาตั้งเป้าได้บัตรนี้ 1 ล้านใบ ซึ่งเขามองว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูงมากเนื่องจากปัจจุบันฐานลูกค้าเฉพาะบัตร นักเรียน นักศึกษา มีอยู่แล้ว 500,000 ใบ
นั่นหมายความว่า Core Target ของบัตรนี้ คือ กลุ่มลูกค้าเดิมของเมเจอร์ฯ อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าบัตรนี้จะช่วยตีแตกตัวตนพวกเขาได้มากขึ้น
“จากเดิมที่ทำการตลาดแบบกระจาย ก็จะเฉพาะกลุ่มมากขึ้น เพราะเรารู้พฤติกรรมการดูหนังของเขาว่าชอบดูช่วงเวลาไหน ชอบมากับกลุ่มเพื่อนหรือครอบครัว ชอบดูหนังประเภทไหนและเราจะสื่อสาร เพื่อกระตุ้นให้เขาอยากดูหนังเรื่องนั้นๆ ได้อย่างไรบ้าง รวมถึงพฤติกรรมการเล่นโบว์ลิ่ง และร้องคาราโอเกะ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความถี่ในการดูหนังของลูกค้าให้มากขึ้น”
โฉมหน้าใหม่ของโรงภาพยนตร์เมืองไทยกำลังจะเกิดขึ้น กับการ Tailor Made จากการวัดพฤติกรรมการดูหนังแบบคร่าวๆ ว่า โรงหนังย่านชานเมืองจะต้องมีพากย์ไทยมากกว่าพากย์อังกฤษ จะเจาะลึกถึงลูกค้าเฉพาะบุคคล และจะทำให้เกิดโรงหนังที่แยกฉายตามประเภทหนัง เช่น โรงหนังผี โรงหนังดราม่า โรงหนังตลก โรงหนังแอคชั่น โรงหนังแอนิเมชั่น เป็นต้น
โดยเมเจอร์ฯ ลงทุนซอฟต์แวร์ของระบบ CRM นี้ไปร่วม 100 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2553 ที่ผ่านมา ก่อนพร้อมที่จะเปิดตัวใช้งานได้ในต้นปี 2554 นี้
“ในช่วง 6 เดือนแรกทำแบบไม่ Aggressive เก็บข้อมูล ดูพฤติกรรมไปเรื่อยๆ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ ทำให้คนดูหนังต่อเนื่องเหมือนตีกอล์ฟ ถ้าเขาหายไปนานก็มียาแรงอัดให้”
แม้ปีนี้จะไม่ได้เน้นการขยายสาขาในปี 2554 นี้ แต่วิชาบอกว่า อย่างต่ำๆ ก็จะมีสาขาใหม่ 10 สาขา โดยเฉพาะในต่างจังหวัด เน้นเปิดกับเทสโก้ โลตัส บิ๊กซี และเซ็นทรัล ส่วนคาร์ฟูร์ที่ไม่เคยมีโรงหนังมาก่อนนั้น หลังอยู่ใต้ร่มบิ๊กซี อาจจะเป็นอีกโอกาสหนึ่งของเมเจอร์ฯ ในการขยายสาขาอย่างก้าวกระโดดในอนาคต
ที่สุดแล้ว M Generation อาจทำให้ฝันของวิชาที่มานานมากกว่าครึ่งทศวรรษกับการทำโรงหนังแยกประเภทกลายเป็นจริงได้ในไม่ช้านี้
สัดส่วนลูกค้าเมเจอร์ฯ | |
วัยทำงาน | 80% |
นักเรียน นักศึกษา | 20% |
สัดส่วนรายได้เมเจอร์ฯ | |
ค่าโฆษณา | 10% |
โบว์ลิ่ง | 10% |
รีเทล ค่าเช่าพื้นที่ | 10% |
ตั๋วหนัง ขนมและเครื่องดื่ม | 70% |
from http://is.gd/sdSmgY
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น