14 พฤษภาคม 2554

10 หุ้นปันผลยอดเยี่ยมตลาดหลักทรัพย์ mai

ปีที่ผ่านมา หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กกลายเป็นที่นิยมของนักลงทุนอย่างเห็นได้ชัด กระแสนี้ไม่เพียงเกิดกับบบริษัทจดทะเบียนในตลาด SET เท่านั้น แต่พบว่าหุ้นจากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ หลายแห่งก็เป็นที่สนใจของนักลงทุนเช่นกัน นั่นเพราะผลประกอบการที่เติบโตได้ดีในภาวะเศรษฐกิจผันผวน ระดับราคาที่น่าเข้าลงทุน และการจ่ายปันผลที่มีอย่างต่อเนื่อง หลายคนจึงติดใจเสน่ห์ของหุ้นเล็กเหล่านี้จนต้องหามาติดพอร์ตลงทุนไว้เสมอ

จากข้อมูลในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2553 พบว่าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) กว่า 5.22 หมื่นล้านบาท มีจำนวนบริษัทจดทะเบียน 65 ราย โดยนับจากต้นปีพบว่า mai Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 25%

ขณะที่ Performance ของบริษัทจดทะเบียนในงวด 9 เดือนแรกพบว่า 63 บริษัทที่ส่งงบการเงินสามารถทำกำไรสุทธิรวม 1,980 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% และมียอดขายรวม 39,886 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า

ในจำนวนนี้ M&W ได้คัดเลือก 10 บริษัทจากตลาดหลักทรัพย์ mai โดยพิจารณากลุ่มที่มีอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) สูงสุดในช่วงปี 2553 ซึ่งพบว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอัตราเงินปันผลตอบแทนของตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในช่วงดังกล่าวซึ่งอยู่ที่ประมาณ 3.35% สะท้อนถึงศักยภาพในการดำเนินธุรกิจและเป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดในการประเมินมูลค่าหุ้นว่ามีผลตอบแทนกลับคืนสู่ผู้ถือหุ้นอย่างโดดเด่น


   หุ้นตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอที่มีอัตราเงินปันผลตอบแทนสูงสุด 10 อันดับแรก
หุ้น
อัตราเงินปันผลตอบแทน (%)
กำไรสุทธิ (ล้านบาท)
ROE (%)
P/BV (เท่า)
P/E (เท่า)
2551
2552
9 เดือน/2553
SALEE
11.89
41
97
71.40
14.77
1.80
11.85
TRT
8.96
204
221
117.22
27.79
1.62
6.64
UBIS
8.30
57
70
60.40
28.07
3.77
12.94
JUBILE
7.95
52
60
72.78
30.20
3.14
11.65
2S
7.86
113
92
70.54
13.37
1.11
8.46
DM
7.35
39
38
35.61
22.13
1.56
7.41
QLT
7.02
57
70
34.44
23.98
2.43
10.56
GFM
6.94
342
248
187.03
24.82
1.88
7.99
ILINK
6.72
102
115
22.35
9.14
1.17
12.84
BOL
6.68
75
70
44.21
33.48
5.11
15.51
ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 
หมายเหตุ :   * ข้อมูล ณ วันที่ 9 ธันวาคม 2553


SALEE ปันผลสูงสุด 11.89%

เริ่มกันที่ บมจ.สาลี่อุตสาหกรรม (SALEE) เป็นบริษัทที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลตอบแทนสูงสุดถึง 11.89% โดยการจ่ายปันผลในระดับสูงเช่นนี้เป็นผลจากแนวโน้มการทำกำไรที่ดีขึ้นของบริษัท

โดยในปีที่ผ่านมา SALEE มีการปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทสูงขึ้น ตั้งแต่การตัดสินใจขาย “เอสซี วาโด” บริษัทย่อยที่ทำธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีความผันผวนซึ่งส่งผลต่อผลประกอบการโดยรวมของ SALEE

นอกจากนี้ บริษัทยังประกาศร่วมทุนกับ Pago Holding AG (PAGO) ผู้ผลิตฉลากผลิตภัณฑ์และเครื่องติดฉลากจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ โดย PAGO เข้าถือหุ้นในบริษัทลูกและเปลี่ยนชื่อเป็น “พาโก้ สาลี่ พริ้นท์ติ้ง” ส่งผลให้ SALEE มีโอกาสขยายธุรกิจการผลิตฉลากสินค้าไปสู่ตลาดที่กว้างขึ้น มีการนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้ รวมถึงเพิ่มโอกาสในการรับงานจากลูกค้ากลุ่มบริษัทข้ามชาติ

สำหรับโครงสร้างธุรกิจใหม่นี้ นักวิเคราะห์พากันคาดว่าจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของ SALEE จะมีเสถียรภาพและทรงตัวในระดับสูงมากขึ้น รวมถึงมีโอกาสสูงที่กำไรจะปรับตัวสูงจากอดีตอย่างต่อเนื่อง


TRT หุ้นสู้วิกฤติ

ผลกำไรงวด 9 เดือนแรกของ บมจ.ถิรไทย (TRT) อยู่ที่ 117.22 ล้านบาท จากรายได้รวม 1,132 ล้านบาทซึ่งสะท้อนถึงการฟื้นตัวของธุรกิจตามปริมาณการส่งมอบงานที่ดีขึ้นหลังจากต้องเผชิญกับวิกฤติการเมืองในประเทศ ส่งผลให้ลูกค้าส่วนใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชนชะลอการส่งมอบงานออกไป อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีการจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างโดดเด่นในปีที่ผ่านมา โดยมีอัตราการจ่ายเงินปันผลต่อผู้ถือหุ้นสูงเป็นอันดับ 2 คือ 8.81%

TRT ทำธุรกิจด้านการผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาถือเป็นหุ้นตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง จุดเด่นของธุรกิจนี้อยู่ที่ปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าของคนในประเทศซึ่งส่งผลต่อดีมานด์การใช้หม้อแปลงไฟฟ้าด้วย สำหรับปีนี้ปัจจัยหนุนของ TRT คือปริมาณงานในมือที่คาดว่าจะอยู่ที่ราว 1.4 พันล้านบาท รวมถึงการขยายงานไปยังต่างประเทศซึ่งจะส่งผลดีต่อรายได้ของบริษัทในระยะยาว


UBIS รายได้ยังเติบโต

บมจ.ยูบิส (เอเชีย) (UBIS) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางเคมีคุณภาพสูงชนิดพิเศษ โดยมีธุรกิจหลักคือแล็คเกอร์เคลือบกระป๋อง และยางยาแนวฝากระป๋องซึ่งนำไปใช้ในอุตสาหกรรมผลิตกระป๋องโลหะสำหรับบรรจุอาหารและเครื่องดื่ม ปีที่ผ่านมาบริษัทได้รับผลกระทบจากราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น และภาวะการส่งออกอาหารทะเลกระป๋องที่ลดลงส่งผลให้กำไรในไตรมาส 3 ปรับตัวลดลง

แต่ในงวด 9 เดือน พบว่ารายได้รวมยังคงเติบโต 12% อยู่ที่ 466.54 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 60.4 ล้านบาท โดยบริษัทรั้งตำแหน่งบริษัทที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลสูงเป็นอันดับ 3 ของตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ที่ 8.30%


JUBILE กำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์

JUBILE หรือ บมจ.ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ ทำผลงานได้ดีเป็นประวัติการณ์ในปีที่ผ่านมา ปัจจุบันบริษัทขยายสาขาเป็น 77 แห่งขณะที่ยอดขายในสาขาเดิมยังเติบโตในระดับสูงส่งผลให้บริษัทสามารถรักษาการเป็นผู้นำตลาดขายเครื่องประดับผ่านเคาน์เตอร์เป็นอันดับหนึ่งไว้ได้

โดยปีนี้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มีมุมมองที่ดีต่อหุ้น JUBILE โดยคาดว่าจะได้แรงหนุนจากการแข็งค่าของเงินบาทที่ส่งผลให้มีต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบที่ลดลง รวมถึงการขยายตัวของการบริโภคในประเทศที่จะมีผลต่อการเติบโตของรายได้และกำไร ซึ่งปีนี้บริษัทยังมีแผนขยายสาขาเป็น 90 แห่ง รวมถึงการออกสินค้าใหม่สำหรับลูกค้าหลายกลุ่มซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายในปีนี้ให้เติบโตได้ดีอีกทางหนึ่ง




2S ผลประกอบการตก แต่อัตราปันผลสูง

บมจ.2 เอส เมทัล (2S) (ชื่อเดิม : บมจ.เซาท์เทิร์นสตีล) เป็นอีกหนึ่งหุ้นกลุ่มเหล็กที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากยอดขายที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้บริษัทมีกำไรงวด 9 เดือนปี 2553 เท่ากับ 70.54 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 87.26 ล้านบาท
โดยพบว่าบริษัทได้รับผลกระทบหนักในช่วงไตรมาส 3 จากปริมาณการขายที่ลดลงซึ่งมีสาเหตุมาจากแนวโน้มราคาผลิตภัณฑ์เหล็กที่ปรับตัวลดลงและทำให้มียอดการสั่งซื้อสินค้าชะลอตัว บวกกับภาวะค่าเงินบาทแข็งค่าส่งผลให้ลูกค้าต่างประเทศชะลอคำสั่งซื้อสินค้าออกไป อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงมีอัตราการจ่ายเงินปันผลในระดับสูงเป็นอันดับ 5 ที่ 7.86 %



DM รายได้และกำไรสม่ำเสมอ

บมจ.ธนมิตร แฟคตอริ่ง (DM) ประกอบธุรกิจแฟคตอริ่งหรือธุรกิจบริหารลูกหนี้การค้าโดยมีลูกค้าหลักคือผู้ประกอบการกลุ่มโมเดิร์นเทรด ปีที่ผ่านมาบริษัทได้รับแรงหนุนจากสภาพเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวส่งผลให้มูลค่าการรับซื้อเอกสารเพิ่มขึ้นและมีกำไรสุทธิเติบโตในระดับสูงคือ 35.61 ล้านบาทใกล้เคียงกับกำไรสุทธิของปีก่อนหน้า

ทั้งนี้ DM ถือเป็นหุ้นที่มีผลประกอบการค่อนข้างสม่ำเสมอเนื่องจากมีรายได้จากกลุ่มลูกค้าที่มีความสัมพันธ์กันมายาวนานอย่างกลุ่ม CPN ประกอบกับความสามารถในการบริหารความเสี่ยงส่งผลให้ระดับหนี้เสียค่อนข้างต่ำ ส่งผลให้ DM มีการจ่ายเงินปันผลต่อผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่องโดยคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 7.35 %



QLT คาดกำไรฟื้นตัวในปี 2554

บมจ.ควอลลีเทค มีอัตราการจ่ายเงินปันผลอยู่ที่ 7.02 % เป็นอันดับ 7 ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ โดยปัจจุบันบริษัทดำเนินธุรกิจด้านงานบริการตรวจสอบวิศวกรรมให้แก่บริษัทในธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมี นักวิเคราะห์คาดว่า ผลประกอบการในปี 2553 ที่เริ่มเห็นเทรนด์การฟื้นตัวสะท้อนโอกาสในการโตต่อเนื่องในปีนี้

โดยคาดว่าธุรกิจบริการทดสอบและตรวจสอบทางวิศวกรรมจะได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมในปีนี้ โดยเฉพาะหลังจากที่ปัญหาในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดคลี่คลายลงไป ทั้งนี้ผู้บริหารให้ภาพรวมว่าในปีนี้ บริษัทมีงานในมือที่จะรับรู้ได้ราว 200 ล้านบาท นอกจากนี้ QLT ยังได้เข้าประมูลโครงการท่อส่งก๊าซที่ 4 ของ ปตท. มูลค่า 140 ล้านบาท ซึ่งหากบริษัทได้รับการคัดเลือกก็จะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2554 – 2555




GFM ลงทุนเพิ่มรับโอกาส

บมจ. โกลด์ไฟน์ แมนูแฟคเจอเรอส์ (GFM) ผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกเครื่องประดับอัญมณี มีกำไรสุทธิงวด 9 เดือนปีที่แล้ว เท่ากับ 187 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าจากปริมาณยอดขายที่เพิ่มขึ้น

ขณะที่ปีนี้ แม้บริษัทยังมีความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และทิศทางราคาวัตถุดิบทองและเงินในตลาดโลกซึ่งปรับตัวสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดในปีที่ผ่านมาจนส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงก็ตาม

แต่หากพิจารณาจากการลงทุนขยายกำลังการผลิตในโรงงานแห่งใหม่เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาสะท้อนว่าบริษัทมีโอกาสรับออเดอร์ที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้บริษัทยังมีแผนออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่และบุกตลาดแถบยุโรปและอเมริกาเหนืออย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ GFM เป็นอีกบริษัทที่น่าจะเติบโตได้ดีต่อเนื่องในปีนี้



ILINK ลุ้นฟื้นตัวจากงานประมูลปี 2554

แม้ว่าผลประกอบการของ บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น (ILINK) งวด 9 เดือนปีที่แล้ว จะออกมาต่ำอย่างน่าตกใจ โดยบริษัทมีกำไรเพียง 22.35 ล้านบาท แต่มุมมองของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่างให้เครดิตว่า ILINK จะสามารถพลิกกลับมาเติบโตโดดเด่นอีกครั้ง เริ่มจากไตรมาส 4 ปีที่แล้วที่จะทยอยรับรู้รายได้จากธุรกิจ Engineering เพิ่มขึ้น
ขณะที่ปีนี้ บริษัทมีแผนเข้าประมูลงานในหลายโครงการ มูลค่ารวมราว 1.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งแม้จะมีความเสี่ยงด้านแนวโน้มการได้รับงานประมูลและความล่าช้าของการประมูล แต่ผู้บริหารก็ตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้ไว้ที่ 1,435 ล้านบาท จาก 3 กลุ่มงานหลักคือ Distribution, Engineering และ Telecom



BOL ลงทุนเพิ่มรับการเติบโต

อันดับ 10 หุ้นปันผลเด่นตกเป็นของ บมจ.บิซิเนส ออนไลน์ (BOL) ซึ่งมีอัตราการจ่ายปันผลที่ระดับ 6.68 % แม้ว่าปีที่ผ่านมาจะเป็นปีที่งานด้านการบริหารข้อมูลข่าวสารได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำส่งผลให้ 9 เดือนแรกปีที่แล้ว บริษัทมีกำไรเพียง 44.2 ล้านบาท

แต่ผู้บริหารคาดว่าโดยภาพรวม BOL จะเติบโต 10% จากปีก่อนหน้า ทั้งนี้บริษัทยังมีการลงทุนเพิ่มเติมด้วยการตั้งบริษัทย่อยซึ่งมีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการพัฒนาซอฟท์แวร์สำหรับงานวิเคราะห์และนำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มโอกาสและลดความเสี่ยงทางด้านธุรกิจ รวมถึงการวิจัยเพื่อนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ ใช้ร่วมกับกับฐานข้อมูลเพื่อพัฒนาซอฟท์แวร์เพื่อสนองความต้องการของตลาดในอนาคต

from http://is.gd/ixmbvk


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความยอดนิยม (ล่าสุด)

บทความยอดนิยม (1 ปีย้อนหลัง)