12 พฤศจิกายน 2554

วิธีที่ทำให้ชีวิตของคุณประสบความสำเร็จและแตกต่างกว่าคนอื่น

 
“ผลการวิจัย ออกมาว่า เด็กที่สามารถยับยั้งใจ ไม่กินขนมมาร์ชมาลโลน์ได้นั้น มีผลการเรียนที่ดีกว่า สามารถเข้ากับคนอื่นได้ดีกว่าและจัดการกับความเครียดได้ดีกว่าเด็กที่ไม่สามารถห้ามใจตัวเอง ไม่ให้กินขนมมาร์ชมาลโลว์ก้อนแรก จากการทดลองด้วยเวลาสั้นๆ
กลุ่มเด็กที่สามารถห้ามใจตัวเองไม่กินขนมมาร์ชมาลโลว กลายเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตมากว่ากลุ่มเด็กที่ไม่สามารถยับยั้งใจได้ อย่างมากมาย”



ถ้าไม่รู้จักยับยั้งใจตัวเองก็เท่ากับคุณยอมแพ้ให้กับตัวเอง

โดยปกติแล้ว โจนาธาน เพเชี่ยน เป็นคนที่สงบนิ่งและเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจราวกับสูทของ บรู๊ค บราเธอร์ ที่เขาชอบใส่
เขารู้สึกเหนื่อยและเครียดหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมอันคร่ำเคร่ง เมื่อเดินไปถึงรถคันหรู เขาก็พบว่าคนขับรถกำลังนำ เบอร์เกอร์ “บิ๊กแม็ค” ที่เต็มไปด้วย ซอสมะเขือเทศเข้าปากเป็นคำสุดท้าย
“อาร์เธอร์ นายกำลังกิน “มาร์ชมาลโลว์” อีกแล้ว” เขากล่าวตำหนิ
“ขนมมาร์ชมาลโลว์หรือครับ” อาร์เธอรู้สึกงุนงงกับน้ำเสียงที่ขุ่นเคืองของนายจ้างพอๆ กับคำพูดที่เขาพูด
“ด้วยความสัตย์จริง มันคือ บื๊ค แม็ค ครับ ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าไปว่าผมกิน ขนมมาร์ชมาลโลว์ ครั้งสุดท้ายเมื่อไร ผมได้ได้แง้มดูตระกร้าของขวัญวันอีสเตอร์ปีนี้ด้วยซ้ำไป และก็ไม่ได้กิน แซนวิช ฟลัฟเฟอร์ นัตเตอร์ มาตั้งแต่.....”
“ใจเย็น อาร์เธอร์ ฉันรู้ว่านายไม่ได้กิน ขนมมาร์ชมาลโลว์ จริงๆ หรอก เพียงแต่เมื่อเช้านี้ มีแต่พวกกิน “มาร์ชมาลโลว์” อยู่รายรอบฉันเท่านั้น และฉันรู้สึกหงุดหงิดที่เห็นนายทำเช่นเดียวกันกับพวกนั้น”
“ผมรู้สึกว่าคุณกำลังมีเรื่องที่จะเล่าให้ผมฟัง คุณเพเชี่ยน คุณต้องการให้ผมขับรถไปด้วยขณะที่คุณกำลังล่าเรื่องหรือเปล่า?”
“ได้โปรด อาร์เธอร์ ตอนนี้ฉันรีบ แม่ครัวคนเก่งของฉัน – เอสเพอรันซ่า เธอกำลังทำ พาอีฮ่า” อาหารจากเก่งของเธอที่เป็นของโปรดนาย ฉันบอกให้เธอเสริฟมัน ภายใน 20 นาทีนี้ ตอนบ่ายโมงตง ซึ่งมันจะโยงเข้ากับเรื่องของฉันที่กำลังจะเล่าให้นายฟัง แล้วนายจะได้รู้ว่ามันเกี่ยวโยงกันยังไง”
“แล้วเรื่อ ขนมมาร์ชมาลโลว์ เกี่ยวข้องอะไรด้วยครับคุณเพเชี่ยน”
“ใจเย็น อาร์เธอร์ แล้วนายจะรู้ในไม่ช้า”
อาร์เฮร์เริ่มออกตัวรถหรู ลินคอร์น ทาวน์ อย่างนิ่มนวลฝ่าการจราจรในเมืองออกไป และเก็บปริศนาอักษรไขว้หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์ ที่เขาสอบเล่นไว้ใต้เบาะที่นั่งคนขับ ในขณะที่โจนาธาน เพเชี่ยน นั่งอย่างผ่อนคลายบนเบาะหนังอันอ่อนนุ้มและเริ่มต้นเล่าเรื่อง

เมื่อตอนอายุ 4 ขวบฉันได้เข้าร่วมโครงการทดลองที่ต่อมามีชื่อเสียงโด่งดัง เผอิญฉันอยู่ในช่วงอายุ่ที่เหมาะสมและเวลาที่เหมาะสม ในตอนนั้นพ่อของฉันกำลังทำปริญญาโทอยู่ที่ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และหนึ่งในอาจารย์ของท่านต้องการผู้เข้าร่วมโครงการวิจัยเด็กวัยก่อนเข้าเรียนเพื่อนช่วยรวบรวมผลการทดลองเกี่ยวกับผลกระทบจากการห้ามใจตัวเองไม่ให้ทำในสิ่งที่อยากได้เพื่อนให้ตนเองได้รีบความพึงพอใจทันทีทันใดในเด็ก จะมีผลกระทบยังไงต่อความสำเร็จในชีวิตในอนาคตของเด็กคนนั้น”
“ในการทดลองนั้น พวกเขานำเด็กๆ อย่างฉันเข้าไปอยู่ในห้องทีละคน แล้วผู้ใหญ่คนหนึ่งเป็นผู้หญิงก็เดินเข้ามาวางขนมมาร์ชมาลโลว์ไว้ตรงหน้าฉัน จากนั้นกล่วว่าเธอต้องออกไปจากห้องนานประมาณ 15 นาทีและบอกฉันว่า ถ้าฉันไม่กินขนมมาลโลว์ที่วางอยู่นี้ขณะที่เธอไม่อยู่ในห้อง เธอจะให้รางวัลฉันด้วยขนมมาร์ชมาลโลว์อีกก้อนหนึ่งเมื่อเธอกลับเข้ามา”
“ตกลงครั้งเดียวได้ 2 ก้อน คุณได้ผลตอบแทนการลงทุนกลับมาถึง 100 เปอร์เซ็นต์ โอ้โฮ มันล่อใจมากแม้กระทั่งสำเร็บเด็กอายุ 4 ขวบ” อาร์เธอร์ลำพึง
“แน่นอนที่สุด สำหรับเด็กอายุ 4 ขวบ เวลา 15 นาที นับว่ายาวนานมาก และเมื่อไม่มีใครคอยห้ามอยู่ในห้อง ขนมมาร์มาลโลว์ก็กลายเป็นสิ่งที่ยั่วน้ำลายมากเกินกว่าจะห้ามใจตัวองไม่ให้กิน” โจนาธานกล่าว
“แล้วคุณกินขนมมาร์ชมาลโลว์นั่นหรือเปล่าครับ”
“เปล่า แต่เกือบกินมันนับสิบครั้ง ฉันเลียมันครั้งหนึ่งด้วยซ้ำไป ฉันแทบจะขาดใจที่ไม่ได้กินมัน ฉันพยายาร้องเพลง เต้นรำ ทำทุกอย่างที่ช่วยเบื่ยงเบนความสนใจ ในที่สุด หลังจากเวลาผ่านไป 15 นาที ซึ่งดูราวหลายชั่วโมง ผู้หญิงใจดีคนนั้นก็กลับเข้ามา”
“แล้วเธอให้... ขนมมาร์ชมาลโลว์ก้อนที่ 2 แก่คุณหรือเปล่า”
“แน่นอนที่สุด มันเป็นขนมมาร์ชมาลโลว์ 2 ก้อนที่อร่อยที่สุดเท่าที่ฉันเคยกินมา”
“จุดมุ่งหมายของการทดลองนี้คืออะไร พวกเขาบอกคุณหรือเปล่าครับ”
“ตอนนั้นพวกเขาไม่ได้บอก ฉันไม่รู้จนกระทั่งหลายปีต่อมาว่าบรรดานักวิจัยพยายามรวบรวม “เด็กมาร์ชมาลโลว์”ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้จากการศึกษาครั้งแรก ซึ่งฉันคิดว่ามีพวกเราประมาณ 600 คน พวกเขาส่งแบบประเมินให้ผู้ปกครองของเด็ก และขอให้ผู้ปกึครองให้คะแนนตามแบบประเมินที่พูดถึงพฤติกรรมของเรา”
“แล้วคุณพ่อแม่ของคุณประเมินคุณว่ายังไงบ้างครับ”
“พวกเขาไม่ได้ทำ เพราะไม่ได้รับแบบสอบถาม ตอนนั้นฉันอายุ 14 ปีและเราได้ย้ายบ้านมาหลายครั้งแต่นักวิจัยพบครอบครัวของเด็กที่ทดลองเรื่องมาร์ชมาลโลว์เกือบร้อยครอบครัว และผลที่ได้ก็น่าทึ่งมาก”
“ผลวิจัยออกมาว่า เด็กที่สามารพยับยั้งใจ ไม่กินขนมมาร์ชมาลโลว์ได้นั้น มีผลการเรียนที่ดีกว่า สามารถเข้ากํบคนอื่นได้ดีกว่า และจัดการกรับความเครียด ได้ดีกว่าเด็กที่ไม่สามารถห้ามใจตัวเอง ไม่ให้กินขนมมาร์ชมาลโลว์ก้อนแรก จากการทดลองด้วยเวลาสั้นๆ หลังจากผู้ใหญ่ออกไปจากห้องได้ กลุ่มเด็กที่สามารถห้ามใจตัวเอง ไม่กินขนมมาร์ชมาลโลว์กลายเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต มากกว่ากลุ่มเด็กที่ไม่สามารถยับยั้งใจได้อย่างมากมาย”
“สิ่งนี้อธิบายความเป็นตัวคุณได้อย่างดีเลยครับ”อาร์เธอร์พูด “แต่ผมไม่เข้าใจว่าการที่คุณห้ามใจไม่กินมาร์ชมาลโล่ตอนอายุ 4 ขวบเกี่ยวอะไรกับการที่คุณกลายเป็นผู้จัดทำเว็บไซต์ที่ร่ำรวยระดับพันล้านเมื่ออายุ 14”
“แน่นอนว่ามันไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง แต่ความสามารถในการยับยั้งหักห้ามใจเพื่อไม่ให้สอนงความพึงพอใจของตัวเองทันทีทันใด กลายเป็นปัจจัยที่บ่งบอกถึฝงความสำเร็จของตัวเราเองในอนาคตได้”
“ทำไมล่ะครับ”
“ย้อนกลับไปยังคำบ่นของฉันเมื่อตอนที่ฉันเห็นนายกิน เบอร์เกอร์ บิ๊ก แม็ค ก็นายเป็นคนบอกฉันเมื่อเช้านี้เอาไม่ใช่หรือว่า แม่ครัวของฉัน-เอสเพอรํนซ่า สัญญาว่า เธอจะเก็บ พาอีฮ่า สุดโปรดไว้ให้นายกินกลางวันนี้”
“ที่จริงแล้วเธอสัญญาว่าจะเก็บจานที่ดีที่สุด จากที่มีกุ้งก้ามกรามมากที่สุดให้ผม แต่ผมไม่ควรจะบอกคุณ”
“แล้วนายทำอะไรในช่วงเวลา 30 นาทีก่อนที่เธอจะเสริฟ พาอีฮ่า ที่ดีที่สุดในเมืองแก่นายล่ะ”
“กิน บิ๊ค แม็ค หมายถึง..... กิน – มาร์ชมาลโลว์- อ๋อ ผมเข้าใจแล้ว ผมไม่สามารถคอยที่จะได้กิน พาอีฮ่าอาหารที่อร่อยที่สุดของผมได้ และผมก็ทำลายความเจริญอาหารของผมด้วยสิ่งที่ผมหากินในเวลาใดก็ได้”
“ถูกต้อง นายยอมจำนนต่อความต้องการคววามพึงพอใจของตัวเองในทันทีทันใด แทนที่จะอดในรอสิ่งที่นายต้องการอย่างแท้จริง ซึ่งหมายความว่านายไม่สามารถยับยั้นใจให้ชะลอการสนองตอบความพอใจของตนก่อนเพื่อนจะได้กิน พาอีฮ่า ที่อร่อยกว่า”
“คุณพูดถูกครับ คุณพี แต่ผมยังไม่เข้าใจ การกินหรือไม่กินขนมมาร์ชมาลโลว์ เกี่ยวข้องยังไงกับความจริงที่ว่า คุณกำลังนั่นอยู่บนเบาะหลังอย่างสบายๆ และผมนั่งขับรถให้คุณอยู่ด้านหน้า”
“ใช่แล้ว อาร์เธอร์ มันทำให้เกิดความแตกต่างทั้งหลายในโลกนี้ แต่ฉันจะอธิบายเพิ่มเติมในวันรุ่งขึ้นเมื่อนายพาฉันกลับเข้ามาในเมืองตอนเก้าโมง ตอนนี้เราถึงบ้านแล้ว และฉันกำลังจะได้กินอาหารกลางวันแสนอร่อยแล้วนายจะทำยังไงต่อไปล่ะ อาร์เธอร์”
“ก็หนีหน้าแม่ครัวคนเก่งของคุณ จนกว่าผมจะหิวอีกครั้งครับ”
อาเธอร์ส่ง โจนาธาน เพเชี่ยน ลงจากรถ เขาเปิดประตูรถและประตูบ้านให้ชายที่จ่ายเงินเดือนให้ เท่าที่เขาได้ฟังบทเรียนอันมีค่ามาหลายบทเป็นเวลา 5 ปี ถึงแม้เขายังไม่รู้เหตุผลว่าทำไม แต่เขารู้สึกว่า บาเรียน” มาร์ชมาลโลว์” น่าจะเป็นบทเรียนที่สำคัญที่สุดในบทเรียนทั้งหมดที่เขาเคยฟังๆมา
อาร์เธอร์ออกจากบ้าน โดยไม่เสียเวลาคิดอีกต่อไป เขาตรงดิ่งไปยังร้านค้าใกล้ๆ และซื้อขนมาร์ชมาลโลว์ 1 ถุงทันที.........



คนที่ประสบความสำเร็จ ต้องเป็นคนที่รักษาคำมั่นสัญญา

“มีคนบางคนทำเงินได้มากโดยที่ไม่ให้ความสำคัญกับคำมั่นสัญญาที่มีต่อข้อตกลงที่ได้ทำไว้กับคนอื่น แต่สุดท้าย ไม่ช้าก็เร็ว ผู้คนเหล่านั้นก็จะรู้ทัน และที่สำคัญ คือ คนส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะมอบสิ่งที่เราต้องการ ถ้าพวกเขาไว้วางใจเรา”

“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณพี ผมหวังว่าคุณคงรักษาสัญญาว่าจะอธิบายหลักการแนวคิดในเรื่อง “มาร์ชมาลโลว์” ให้ผมฟังนะครับ ผมเฝ้ารอและคิดถึงมันตลอดเวลา”
“ฉันจะอธิบายให้มากที่สุดเท่าที่เรามีเวลาระหว่างเดินทางเข้าไปในเมือง และเท่าที่นายต้องการรู้ระหว่างขับรถทุกครั้งจากนี้เป็นต้นไป เริ่มจาก “คนที่ประสบความสำเร็จ เป็นคนที่รักาคำมั่นสัญญา” คุณพีพูดขณะที่อาร์เธอร์เปิดประตูให้เขาเข้าไปนั่งในรถ
“จริง อาร์เธอร์ และ“มีคนบางคนทำเงินได้มากโดยที่ไม่ให้ความสำคัญกับคำมั่นสัญญาที่มีต่อข้อตกลงที่ได้ทำไว้กับคนอื่น แต่สุดท้าย ไม่ช้าก็เร็ว ผู้คนเหล่านั้นก็จะรู้ทัน และที่สำคัญ คือ คนส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะมอบสิ่งที่เราต้องการ ถ้าพวกเขาไว้วางใจเรา แต่นั่นเป็นอีกประเด็นหนึ่ง และ อาเธอร์...”
“ครับ คุณพี” อาร์เธอร์ถาม ขณะที่เขายังคงยืนอยู่ข้างประตูรถที่เปิดอยู่
“เราจะเข้าเรื่องหลักการ ทฤษฎี “มาร์ชมาลโลว์” ได้เร็วกว่านี้ถ้านายเข้ามาข้างในรถ”
“โอ ใช่แล้วครับ คุณพี” อาร์เธอรีบสวมหมวก แล้วเดินอ้อมเข้าไปนั่งในรถเพื่สตาร์ทเครื่องยนต์
“เอาล่ะ อาเธอร์ เท่าที่ฉันจำได้ นายต้องการู้ว่าจะนำหลักการของ ทฤษฎี “มาร์ชมาลโลว์” ไปประยุกต์ใช้กับชีวิตได้ยังไง นายต้องการรู้ว่าทำไมคนที่ห้ามใจตัวเองไม่ให้กินขนมมาร์ชมาลโลว์จึงประสบความสำเร็จมากกว่าคนที่ไม่สามารถห้ามใจตัวเองไม่ให้กินขนมมาร์ชมาลโลว์”
“ใช่แล้วครับ ผมต้องการรู้ ถ้านั่นคือเคล็ดลับความสำเร็จของคุณและ “การเติมเต็มความพึงพอใจที่มีขีดจำกัด” ของผม”
“การเติมเต็มความพึงพอใจที่มีขีดจำกัด” คำนี้เท่มาก ฉันพอเข้าใจแล้วล่ะว่า ทำไมนายจึงเล่นเกมส์ปริศนาอักษรไขว้ได้ดี”
“ขอบคุณครับ คุณพี ผมเก่งเรือ่งคำศัพท์ แต่ใช่ว่าผมมีอากาสได้ใช้ประโยชน์จากความเก่งของผมมากนัก”
“นายสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ อาร์เธอร์ และฉันจะแสดงให้เห็ฯว่านายจะทำมันได้ยังไง แต่ก่อนอื่น ให้เราย้อนกลับไปยังอดีตที่นายเคยตกอยู่ในสภาพที่สอนงความต้องการตัวเองโดยไม่สามารถยับยั้งใจไม่ให้กิน “มาร์ชมาลโลว์ กันก่อน เราจะเริ่มตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย ตอนนั้นนายขับรถยี่ห้ออะไร”
“โอ้ คุณพี่ ตอนนั้นผมมีรถที่สุดยอดที่สุด มันคือ รถคอร์เว็ตต์เปิดประทุนสีแดงเชอร์รี่ ที่รับประกันได้ว่าเป็นแม่เหล็กดึงดูดใสสาวๆ ได้มาก ผมสามารถพาสาวสวยที่สุดในวันคืนสู่เหย้าขึ้นรถไปเที่ยวกับผมได้ง่ายๆ “
“และนี่คือเหตุผลที่นายซื้อมันมาใช่หรือเปล่า”
“เพื่อที่จะได้สาวสวยร้อนแรงน่ะหรือครับ แน่นอนที่สุดและก็ได้ผลด้วย สมุดปกดำเล่มเล็กของผมจึงเต็มไปด้วยรายชื่อนัดหมาย ตั้งแต่ แอนเจลิก้า ไปจนถึง โซอี้”
“ฉันเชื่อนาย อาร์เธอร์ แล้วนายเอาเงินที่ไหนมาซื้อหรือว่าได้รับมาเป็นของขวัญอย่างงั้นรึ”
“ไม่ใช่ครับ ผมใช้เงินที่ได้จากงานฉลองวันเกิดตอนอายุ 16 มาใช้เป็นเงินดาวน์ หลังจากนั้นผมต้องทำงานเพื่อนำเงินาผ่อนจ่ายค่ารถรายเดือนรวมทั้งค่าประกันภัยและต้องทำงานเพิ่มอีกงานหนึ่งเพื่อจะได้มีเงินพอที่จะใช้จ่ายไปกับสาวๆ ที่ต้องการนัดเที่ยวกับผม ต่อจากนั้นถ้าจำเป็นต้องซ่อมรถ ผมก็ตกที่นั่งลำบาก ผมต้องอ้อนวอนเจ้านายขอให้เพิ่มเวลาทำงานให้จะได้มีเงินมากขึ้น เพื่อจะได้นำเงินไปซ่อมรถให้ทันก่อนวันหยุดสุดสัปดาห์ ตอนนั้นผมถึงกับถึงแตกเกือบตลอดเวลา”
“นั่นแสดงว่ารถ เว็ดของนายถือเป็น “มาร์ชมาลโลว์” ก้อนใหญ่ที่เดียว จริงมั้ย”
“ฮื้อ อะไรนะครับ โอ้... มันคือ “ความต้องการให้ตนเองพอใจในทันทีเดี๋ยวนั้น” ใช่มั้ยครับ ผมจำเป็นต้องมีรถที่ดีที่สุดและสาวสวยที่ร้อนแรงที่สุดบัดเดี๋ยวนั้น และทั้งหมดนั่นก็ผ่านไปนานแล้ว ตอนนี้ ผมไม่มีแม้กระทั่วรถยนต์ ผมต้องขับรถของคุณ และไม่มีสาวที่สวยเก๋คนไหนสนใจชายที่สวมหมวกคนขับรถ ดูน่าหดหู่ใจครับ คุณพีแต่หนุ่มมัธยมปลายทุกคนไม่ได้ต้องการรถที่สุดเยี่ยมกับสาวที่ร้อนแรงหรอกเหรอ แล้วถ้าเป็นคุณ คุณต้องการอย่างนั้นหรือเปล่าครับ”
“แน่นอน ฉันต้องการ อาร์เธอร์ สมัยเรียนมัธยมปายฉันมักแอบอิจฉาชายหนุ่มอย่างนาย นายรู้มั้ยว่าฉันขับรถอะไรสมัยอยู่มัธยมปลาย ... รถมอริส อ็อกซฟอร์ด เก่าๆ อายุ 10 ปี มันเป็นพาหนะราคาถูกที่สุดเท่าที่สามารถหาได้ ความจริงฉันจ่ายเงินไปตั้ง 350 เหรียญแต่มันก็สามารถพาฉันไปทำงานและไปเรียนหนังสือได้ แม้แต่พาสาวที่เต็มใจออกนัดเที่ยวกับฉันไปเที่ยวบางครั้งบางคราวได้ ทั้งรถและฉันไม่ได้เป็น “แม่เหล็กดึงดูดใจสาวๆ” ตามที่นาย่เรียก แต่ฉันเลือกที่จะเก็บเงินเพื่อนเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ด้วยความเชื่อมั่นว่าการศึกาเป็นกุญแจนำไปสู่ความสวยงามทุกอย่างในชีวิตที่ต้องการได้ ฉันไม่รีบกิน “มาร์ชมาลโลว์” ในตอนนี้น แล้วดูสิว่าตอนนี้ ฉันได้อะไรเป็นสิ่งตอบแทน”
“มาร์ชมาลโลว์” จำนวนนับไม่ถ้วนครับ คุณพี รวมถึง “มาร์ชมาลโลว์” ที่เป็นผู้หญิงหลายหลายรูปแบบที่ดูอร่อยล้ำ มีทั้งความนิ่มนวลและความอ่อนนุ่มที่ลงตัวโดยเฉพาะเมือ่คุณยังเป็นโสดอยู่”
“ใช่แล้ว อาร์เธอร์” โจนาธานกล่าวพร้อมหัวเราะเบาๆ “แม้มันไม่ใช่ตัวอย่างที่ฉันคิดอยู่ในตอนนี้ ทีนี้ลองตัวอย่างนี้ดู ถ้าฉันเสนอเงินให้นายระหว่างเงิน 1 ล้านเหรียญวันนี้ กับเงิน 1 เหรียญที่สะสมเพิ่มขึ้นเท่าตัวทุกวันเป็นเวลา 30 วัน นายจะเลือกอย่างไหน”
“คุณพีครับ ผมไม่ใช่คนโง่ ผมเลือก เงิน 1 ล้านเหรียญในวันนี้ อย่าบอกผมวุ่ณเลือกเงิน 1เหรียญเพิ่มขึ้นเท่าตัวทุกวันเป็นเวลา 30 วันนะครับ
“เอาอีกแล้ว อาร์เธอร์ นายกำลังเลือกที่จะรีบกิน “มาร์ชมาลโลว์” ทันทีรู้มั้ย นายเลือกสิ่งที่เห็นชัดเจนว่าได้รับเงินก้อนตอนนี้ แทนที่จะคำนึงถึงผลในระยะยาว”
“ที่ถูกคือ นายควรจะเลือกเงิน 1 เหรียญ เพราะถ้านายเลือกแบบนี้ นายจะมีเงินมากกว่า 500 ล้านเหรียญ... แต่นายก็ยังเลือกเงินแค่ 1 ล้านเหรียนเท่านั้น”
“ผมไม่อยากจะเชื่อครับ คุณพี แต่ผมรู้ว่าคุณไม่เคยหลอกผม ซึงมันต้องเป็นความจริงแน่ๆ “
“ใช่แล้ว อาร์เธอร์ นี่คือ พลังอันน่ามหัศจรรย์ของการห้ามใจชะลอความพอใจของตัวเองไว้ก่อน เป็นการอดเปรี้ยวไว้กินหวาน ซึ่งเป็ฯหลักการสำคัญของทฤษฎี “มาร์ชมาลโลว์” เงิน 500 ล้านเหรียญในเวลา 1 เดือน ดีกว่าเงินล้านเหรียญในเวลา 1 วันตั้งเยอะ”
“ตกลงครับ คุณพี ผมคิดว่าคุณเริ่มจูงใจผมได้แล้ว แต่ผมจะทำอะไรกับทฤษฎีนี้ได้บ้างล่ะ ผมจะนำมันไปประยุกต์ใช้กับชีวิตผมได้ยังไง และคุณนำมันไปใช้กับชีวิตของคุณยังไงบ้างครับ”
“เราเกือบถึงที่ทำงานแล้ว อาร์เธอร์ ฉันจึงไม่สามารถตอบทั้ง 2 คำถามของนายได้หมดตอนนี้ แต่ฉันจะยกตัวอย่างสั้นๆ สักตัวอย่าง จำได้มั้ยว่า เมื่อวานนี้ตอนฉันบ่นเกี่ยวกับคนในที่ประชุมว่าเป็นพวกไม่สามารถห้ามใจกิน “มาร์ชมาลโลว์” ได้นั่นน่ะ เราเริ่มต้นคุยเรื่องนี้กันยังไง”
“แน่นนอครับ และผมคิดว่านั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเน็คไทร์ของคุณยุ่งเหยิง”
“เรากำลังเจรจาต่อรองเกี่ยวกับการขายหลักสูตรฝึกอบรมการขายผ่านออนไลน์ให้กับบริษัทลาตินอเมริกาขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง พวกเขาต้องการซื้อหลักสูตรจากเรา 1 หลักสูตร และต้องขนาดของบริษัท มันหมายถึงข้อตกลงราคา 1 ล้านเหรียญ ฉันกำลังผลักดันอย่างที่ฉันมักทำอยู่เสมอ นั่นคือเพื่อขาย การบริการ หลักสูตร และการสัมมนาที่หมายถึงการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า ซึ่งเป็นเงิน 10 ล้านเหรียญสำหรับการเริ่มตนและการสร้างความสัมพันธ์ที่สำคัญระยะยาวในตลาดลาตินอเมริกา”
“แล้วเกิดอะไรขึ้นครับ”
“ประธานบริษัทไม่อยู่ออกไปนอกเมือง และเราได้รับโทรศัพท์จากรองประธนานบริษัทที่ต้องการพบเรา รองประธนานฝ่ายขายของเราจึงเข้าไปทำการขาย เมื่อรองประธนานบิรษัทของพวกเขาบอกคนของเราถึงสิ่งที่เขาต้องการ มันคือแพ็คเก็จราคา 1 ล้านเหรียญ
สิ่งที่รองประธานฝ่ายขายของเราควรทำคือ หาทางออกจากทางเลือกง่ายๆ และเริ่มสอบถามเพื่อค้นหาความต้องการทางด้านอื่นๆ ของลูกค้า แต่เขากลับเลือกที่จะกิน “มาร์ชมาลโลว์ “ ทันที แทนที่จะพัฒนาข้อเสนอทางธุรกิจที่ดีกว่าเพื่อให้เราบรรลุตกลง 10 ล้านเหรียญ... เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาในบริษัทหลายแห่งทั่วโลก อาร์เธอร์”
“ดังนั้น คุณจึงได้ขอ้ตกลง 1 ล้านเหรียญ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการ แต่มันก็ไม่ได้เลวร้าน ใช่มั้ยครับ”
“ยังไม่ได้มีการลงนามใดๆ และสถานการณ์ยิ่งแย่ลงไปอีก เมื่อว่านี้ประธานบริษัทโทรศัพท์มาหาฉัน เขาต้องการจะรู้ว่าทำไมเรานึงไม่สนใจที่จะให้บิรการระยะยาวเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวให้กับเขา เขาคิดว่าฉันผิดคำพูด เขารู้สึกว่าเราดูหมิ่นไม่ให้เกียรติ และคิดว่าเราไม่มั่นใจในตัวเขา เขาจึงคัดค้านการลงนามในข้อตกลงใดๆ กับบริษัที่คำนึงถึงแต่ผลประโยชน์เฉพาะหน้าและไม่ยอมหาทางเลือกที่ตรงกับความต้องการที่แท้จริงของพวกเขา”
“เขาไม่ยอมตกลงกับพวกรีบกิน “มาร์ชมาลโลว์”
“ถูกต้อง เราอาจสูญเสียข้อตกลง 10 ล้านเหรียญหรือแม้เป็นข้อตกลง 1 ล้านเหรียญ เพราะเรา “รีบกิน “มาร์ชมาลโลว์”
“คุณสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้หรือเปล่าครับ”
“”ฉันกำลังจะรู้ในไม่ช้านี้ อาร์เธอร์ ยังไงก็ตามนายอาจจะต้องรอนาน นายกลับบ้านไปก่อนดีกว่า ถ้าเมื่อไหร่ที่ฉันต้องการให้นายมารับ ฉันจะโทรศัพท์ไปหา”
“โชคดีนะครับ คุณพี ผมจะคอยให้กำลังใจคุณครับ”
“ขอบใจ อาร์เธอร์”
อาร์เธอร์ขับรถกลับไปยังที่พักของคุณเพเชี่ยนจอดรถในโรงรถที่ใหญ่ขนาดจอดได้ 6 คันและเดิมกลับไปยังบ้านหลังเล็กที่เขาอาศัยอยู่โดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่า มันเป็นส่วนหนึ่งของเงินเดือนของเขา ชีวิตของเขาสบายพอสมควร งานที่มีความเครียดต่ำ ไม่มีรายจ่ายก้อนใหญ่
แต่ที่ผ่านมา เขาได้รับอะไรจากมันบ้างล่ะ เขาไม่มีเงินฝากธนาคาร มีเพียงเงิน 60 เหรียญ ในกระเป๋าไม่มีแผนการใดๆ ในอนาคตใดที่ไกลเกินกว่าอาทิตย์หน้า
อาร์เธอร์ถอนใจ ก้าวเข้าไปในบ้านที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย เขาหยิบถุงขนม“มาร์ชมาลโลว์” ที่ซื้อเมื่อวันก่อนขึ้นมา ฉีกถุงพลาสติกและหยิบก้อนหนึ่งเขาปากจากนั้นเขาก็วางถุงนั้นลงบนโต๊ะข้างเตียงนอน


เขาสัญญากับตัวเองว่า ถ้ามันยังคงอยู่ที่นั่นจนถึงเช้า
“ฉันจะกินมัน 2 ก้อน”


"คนเราไม่สามารถควบคุมคนอื่นและไม่สามรถควบคุมเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นโดยส่วนใหญ่ได้ แต่เราสามารถคึวบคุมพฤติกรรมของตัวเราเองได้และวิธีการที่เราประพฤติปฎิบัตินั้นมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวง ต่อวิธีการที่คนอื่นประพฤติปฎิบัติรวมทั้งส่ิงที่เราทำในเหตุการณ์และปฎิกริยาของเราที่มีต่อเหตุการณ์นั้นสำคัญกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ
การปฎิบัติตัวให้เป็นตัวอย่าง ทำให้เรามีอำนาจในการจูงใจคนได้ยอ่างใหญ่หลวง ซึ่งเป็ฯอำนาจในการโน้มน้าวใจผู้อื่น ได้อย่างดี นี้คืนเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุด ในการนำเราไปสู่ความสำเร็จ"



คนที่จะประสบความสำเร็จได้ ต้องใช้ความศรัทธาและการมีแรงจูงใจ

“คนที่ประสบความสำเร็จทุคคนตระหนักว่า การที่จะได้ในสิ่งที่คุต้องการจากคนอื่น คนอื่น้องมีความปรารถนาที่จะช่วยเหลือคุณเสียก่อน”

เมื่ออาร์เธอร์ตื่นขึ้นมาตอนเช้าวันรุ่งขึ้น เขาหยิบขนมมาร์ชมาลโลว์อีกก้อนหนึ่งออกจากถุงและคิดว่าจะกินมัน 2 ก้อนแต่เปลี่ยนใจและตัดสินใจว่าจะคอยไปก่อน เขาสามารถกินมัน 2 ก้อนเมื่อกลับบ้นตอนกลางคืน หรือ กิน 4 ก้อนในเช้าวันรุ่งขึ้น แต่ตอนนี้เขากระหายที่จะได้ข้อมูลเพิ่มเติมจาก โจนาธาน เพเชี่ยน มากกว่า นายจ้างของเขาค้างคืนอยู่ในเมืองและกำลังคอยให้ไปรับเพื่อไปยังจุดนัดหมายอีกฟากหนึ่งของเมือง เขาจะมีเวลาขับรถให้โจนาธานประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อเก็บข้อมูลเพิ่มเติม
“วันนี้คุณดูดีนะครับ คุณพี เมื่อคืนคุณฆ่าพวกกิน “มาร์ชมาลโลว์” ไปบ้างหรือเปล่าครับ”
“เปล่า แต่ฉันอาจทำให้พวกเขาบางคนเปลี่ยนไปประธานของบริษัทลาตินอเมริกาและฉันได้พูดคุยกันเป็นเวลานาน ฉันบอกเขาแม้กระทั่งเรื่องราว “มาร์ชมาลโลว์” ของฉัน และเขาบอกว่าจะตกลงใจกับข้อตกลง 10 ล้านเหรียญถ้าฉันสัญญาว่าจะนำเรื่องนี้ไปใส่ไว้ในชุดการอบรมของหลักสูตรด้วย”
“นี้เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากครับ คุณพี ผมรู้สึกประทับใจมาก คุณทำให้ข้อตกลง 1 ล้านเหรียญกลายเป็นข้อตกลง 10 ล้านเหรียญ และมองดูมันกลับไปเป็นข้อตกลง 1 ล้านเหรียญหลังจากนั้นมันก็กลายเป็นข้อตกลง 0 เหรียญแล้วก็กลับมาเป็นข้อตกลง 10 ล้านเหรียญอีก มันคืนการเพิ่ม “มาร์ชมาลโลว์” ของคุณขึ้นอีกหลายเท่าตัว”
“ขอบใจ อาร์เธอร์ ฉันรู้สึกพอใจมาก และถ้านายอยากจะฟัง ฉันมีเรื่องอีกเรื่องหนึ่งจะเล่าให้นายฟังในวันนี้”
“แน่นอนว่าผมอยากฟังครับ คุณพี เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับ ทฤษฎี “มาร์ชมาลโลว์” หรือเปล่าครับ”
“อาร์เธอร์ ฉันจะเล่าเรื่องให้ฟัง แล้วให้นายตัดสินใจเอาเอง นายสามารถทำการวิเคราะห์หลังจบเรื่อง”
“วิเคราะห์หลังจบเรื่อง ผมชอบ เล่าให้ฟังเลยครับ คุณพี”

“เมื่อหลายปีก่อน ผมได้มีโอกาสพบกับ อาลุน คานธี หลายปู่ของท่านมหาตมะคานธีผู้ยิ่งใหญ่”
“ตอนนี้ เรามีคนที่ไม่กิน “มาร์ชมาลโลว์” และเขามันไม่กินอะไรเลยเพื่อให้ได้สิ่งที่เขาต้องการ”
“นายพูดถูก อาร์เธอร์ มหาตมะคารธีเป็นคนที่ถ่อนตัวมากเกี่ยวกับความสำเร็จในแนวทางสัติวิธีของท่านนายรู้มั้ยว่าครั้งหนึ่งท่านพูดเกี่ยวกับเคล็ดลับความสำเร็จของท่านไว้ว่ายังไง”
“ไม่ทราบครับ แต่คุณกำลังจะบอกผมใช่มั้ยครับ”
“ถ้าฉันสามารถจำคำพูดของท่านได้อย่างถูกต้องท่านพูดในทำนองนี้ว่า “ฉันเป็นเพียงคนธรรมดาที่มีความสามารถต่ำกว่าคนทั่วไป ฉันไม่สงสัยเลยว่า คนทุกคนไม่ว่าชายหรือหญิงสามารถบรรลุเป้าหมายเช่นเดียวกับฉันถ้าเขาหรือเธอใช้ความพยายาม และปลูกฝังความฝันความศรัทธา เช่นเดียวกับฉัน”
“ใช้ความพยายามและมีความศรัทธา คุณเชื่อในสิ่งนี้หรือครับ”
“ใช่ ฉันเชื่อ ทั้ง 2 สิ่งนี้ แม้มันเป็นเส้นทางที่นำเราไปสู่ความสำเร็จได้โดยใช้เวลาที่นานกว่าเส้นทางอื่น ซึ่งต้องใช้คำมั่นว่าจะทำมันอย่างจริงจัง แต่ก็ได้รับรางวัลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่กว่า”
“เปรียบเสมือน “มาร์ชมาลโลว์” ล้านก้อน แล้วเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณพบกับหลายปู่ครับ?”
“แน่นอนว่าเขามีความเคารพนับถือท่านมหาตมะคานธี อย่างสูง และเล่าว่าพ่อของเขาส่งเขาไปอยู่กับปู่ตั้งแต่อายุ 12 ปีจนกระทั่งอายุ 13 ปีครึ่ง”
“แม่ของผมก็อยากส่งผมไปที่ไหนก็ได้สักแห่งเมื่อผมอายุเท่านั้น”
“ใช่แล้ว พอของฉันก็คงอยากทำเช่นเดียวกัน เด็กในวัยก่อนย่างเข้าสู่วัยหนุ่มสาวนั้นยากที่จะควบคุม อาลุนบอกฉันว่าเขาเรียนรู้เรื่องการมีระเบียบวินัยและการใช้อำนาจบารมีอย่างชาญฉลาดจากท่านมหาตมะ คานธี มาอย่างมากมาย เขาเล่าว่าท่านมหาตมะ คานธี รวบรวมเงินที่ได้จากลายเซ็นของตัวเองและนำเงินที่ได้ไปให้แก่คนยากจน แต่เขาก็ยกย่องพ่อของเขาที่ได้สอนบทเรียนอันมีค่าเมื่อหลายปีต่อมา ขณะที่เขาอายุ 17 ปี”
“เขาเล่าว่า พ่อเขาให้เขาขับรถไปส่งท่านเพื่อไปประชุมที่ตึกสำนักงานซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 15 กิโลเมตร จากบ้น เมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่น พ่อของเขาพูดว่าท่านต้องการให้เขานำรถยนต์ไปซ่อมที่อู่ คอยจนรถยนต์ซ่อมเสร็จแล้วค่อยกลับมารับท่านตอน 5 โมงเย็น ห้ามช้าไปกว่านั้น ท่านพูดอย่างชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องเวลาที่นัดไว้ท่านได้ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยยาวนานทั้งวัน และต้องการออกจากสำนักงานในเวลา 5 โมงตรง”
“อาลุน กล่าวว่าเขาเข้าใจดีและนำรถยนต์ไปยังอู่ซ่อมรถในเวลเที่ยง ขณะที่เขากำลังจะไปกินข้าวและกลับมายังอู่ซ่อมรถ ช่างซ่อมรถก็นำกุญแจมาให้เขาพร้อมบอกว่ารถยนต์ซ่อมเสร็จเรียบร้อยแล้ว”
“โอ๊ะ โอ.... เด็กหนุ่มอายุ 17 ปีพร้อมรถยนต์และเลาที่เหลือเฟือ 5 ชั่วโมง ที่เหลือเป็นองค์ประกอบที่เข้ากันเป็นอย่างดี” อาร์เธอพูด
“ใช่แล้ว อาลุน เอารถไปขับรอบๆ เมือง และไปที่โรงหนังเพื่อนดูหนัง 2 เรื่องควบ เขาหมกมุ่นอยู่กับหนังจนลืมดูนาฬิกา กระทั่งหนังเรื่องที่ 2 จบในเวลา 6.05 น.เขาวิ่งไปที่รถยนต์และรีบขับไปรับพ่อที่ตึกสำนักงาน พ่อของเขากำลังยืนรออยู่ตามลำพังเพื่อคอยให้มารับ”
“อาลุน กระโดดออกจากรถยนต์และขอโทษที่มาสาย”
“ลูกพอ เกิดอะไรขึ้นกับลูก พ่อรู้สึกเป็นห่วงลูกเกิดอะไรขึ้นหรือ”
“ก็เพราะช่างซ่อมรถหน้าโง่พวกนั้นครับ พ่อ พวกเขาหาไม่เจอว่ารถเสียตรงไหนและเพิ่มซ่อมเสร็จเมื่อครู่นี้เอง ผมรีบมาทันทีที่พวกเขาซ่อมเสร็จ”
“พ่อของ อาลุน นิ่งเงียบ ท่านไม่ได้บอกลูกชายว่า ท่านโทรศัพท์ไปที่อู่ซ่อมรถตอน 5 โมงครึ่งเพราะรู้สึกเป็นห่วง ทำให้รู้ว่ารถยนต์ซ่อมเสร็จตั้งแต่เที่ยง ท่านจึงรู้ว่า ลูกชายกำลังโกหก นายคิดว่าท่านทำอะไรต่อไป”
“ตีเขาให้ตายไปเลย”
“ไม่ใช่ แต่นั่นคืนสิ่งที่ฉันคิดเช่นกัน”
“ไม่ให้เขาไปไหน 1 อาทิตย์และไม่ให้เขาใช้รถอีก”
“ไม่ใช่”
“ห้ามไม่ให้เขาพบแฟนสาวหรือไม่ให้เขาพูดโทรศัพท์กับแฟนสาวของเขาเป็นเวลา 1 เดือน”
“ไม่ใช่”
“ตกตลครับ ผมยอมแพ้ ท่านทำยังไงครับ”
“พ่อของเขายื่นกุญแจให้และพูดว่า “ลูกพ่อ จงขับรถกลับบ้าน พ่อจะเดินกลับบ้านเอง”
“อะไรนะ” อาร์เธอร์พูด
“นั่นเป็นคำถามเดียวกันกับที่ อาลุน ถามพ่อของเขา มันเป็นระยะทางตั้ง 15 กิโลเมตร แต่เดี๋ยวก่อนฟังคำตอบของพ่อเของเขาก่อน “ลูกพ่อ ถ้าในเวลา 17 ปีพ่อสามารถทำให้ลูกไว้ว่างใจพ่อได้ พ่อต้องเป็นพ่อที่ใช้ไม่ได้อย่างมาก พ่อต้องเดินกลับบ้านเพื่อยายามคิดทบทวนให้ได้ว่า พ่อจะเป็นพ่อที่ดีขึ้นกว่านี้ได้ยังไง พ่อขอให้ลูกยกโทษให้ด้วยในฐานะที่เป็นพ่อที่ไม่ดี”
“คุณพูดเล่นหรือเปล่าครับ พ่อของเขาทำอย่างนี้จริงๆ หรือ หรือว่าเขาต้องการให้ลูกชายรู้สึกผิด”
“พ่อของเขาเริ่มออกเดิน อาลุนก้าวเข้าไปในรถและขับออกไป เขาจอดรถข้างพ่อของเขา ขอร้องให้ขึ้นรถแต่พ่อปฎิเสธ และยังคงเดินต่อไปพร้อมพูดว่า “ไม่หรอกลูก กลับบ้านไปเถอะ กลับบ้านไป” อาลุน ขับรถข้างไ พ่อของเขาไปตลอดทาง ขอร้องเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ขึ้นรถแต่พ่อของเขาปฎิเสธทุกครั้ง ทั้ง 2 ถึงบ้านในเวลาเกือบๆ5ชั่วโมงครึ่งหลังจากนั้น ซึ่งก็คือนเวลา 5 ทุ่มครึ่ง”
“เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ แล้วเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นครับ”
“ไม่มมีอะไรเกิดขึ้น พ่อของเขาเดินเข้าบ้านและเข้านอน ผมจึงถามอาลุน ว่าเขาเรียนรู้อะไรจากประสบการณ์ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้นี้ คำตอบของเขาก็คือ หลังจากนั้น “ผมไม่เคยโกหกมนุษย์คนไหนอีกเลย”
“ว้าว คุณพี มันเหลือเชื่อจริงๆ”
“ใช่มั้ย อาร์เธอร์ ฉันก็ได้เรียนรู้บทเรียนที่สำคัญหลายบทจากเรื่องนี้เช่นกัน”
“ช่วยบอกผมหน่อยครับ”
“แล้วฉันจะบอก แต่ก่อนอื่น นายได้เรียนรุ้อะไรบ้างจากเรื่องนี้ และมันเชื่อมโยงกับ ทฤษฎี “มาร์ชมาลโลว์” หรือไม่ ลองวิเคราะห์ให้ฉันฟังหน่อยซิ”
อาร์เธอร์นิ่งเงียบไปอย่างผิดวิสัยเป็นเวลาหลายนาทีกระทั่วเกือบถึงจุดหมาย เขาจึงพูดต่อ
“ทางออกง่ายๆ ของปัญหาคือ การต่อว่า ข่มขู่หรือตี ซึ่งคือการลงโทษเด็ก ถ้าผมป็นพ่อ นั่นคงเป็นสิ่งที่ผมอยากกทำในตอนนั้น เปรียบมันคือ ความต้องการที่จะบรรลุความพึงพอใจในทัน ทีทันใด แต่ในแง่ของการสอบบทเรียนให้แก่เด็ก มันเหมือนกับการรีบกิน “มาร์ชมาลโลว์” พ่อระบายโทสะใส่ลูก ลูกสำนึกผิด และทั้งคู่ก็ลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึค้นเกือบจะในทันี แต่ในความเป็นจริง ลูกชายสามารถทำสิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นในวันนั้น ถ้าพ่อของเขาตีลูกเพราะลูกมาช้าและพูดโกหกลูกชายอาจรู้สึกว่าพอ่ลงโทษเขา เขาอาจเสียใจ อาจโกรธอาจกลัว และเหตุการณ์ก็จะเป็นเหมือนเหตุการณ์ยุ่งเหยิงทั่วไปที่วัยรุ่นทำกัน แต่เป็ฯเพราะพ่อของเขา ชะลอความต้องการให้ตนเองพึงพอใจ ซึ่งผมยังไม่รู้ว่าทำไมท่านถึงควบคุมตัวเองได้ดีขนาดนั้น ท่านมีอิทธิพลยิ่งใหญ่ต่อชีวิตลูกชายท่าน.... เท่านี้ใช่มั้ยครับ คุณพี”
“ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก อาร์เธอร์ แต่ฉันก็เห็นด้วยเรื่องนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าต้องใช้ “กำลังใจ” มากขนาดไหนที่จะ หลีกเลี่ยงในสิ่งที่ทำให้ตัวเองบรรลุสิ่งที่พอใจในทันทีทันใดหรือเรียกว่าการรีบกิน “มาร์มาลโลว์” แต่ในเวลาเดียวกัน มันก็แสดงให้เห็ฯผลลัพธ์ทีเราได ถ้าเราหลีกเลี่ยงสิ่งล่อใจตอนนั้น แล้วมุ่งไปยังผลตอบแทนที่จะได้รับในระยะยาว”
“แล้วคุณได้เรียนรู้อะไรอีกครับ คุณพี”
“คนเราไม่สามารถควบคุมคนอื่น และไม่สามารถควบคุฒเหตุการณ์ โดยส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นได้ แต่เราสามารถควบคุมพฤติกรรมของตัวเราเองได และวิธีการที่เราประพฤติปฎิบัตินั้น มีผลกระทบอย่างใหญ๋หลวงต่อวิธีการที่คนอื่นประพฤติปฎิบัติ รวมทั้งสิ่งที่เราทำในเหตุการณ์
และปฎิกิริยาของเราที่มีต่อเหตุการ์นั้น สำคัญกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ
การปฎิบัติตัวให้เป็ฯตัวอย่าง ทำให้เรามีอำนาจในการจูงใจคนได้อย่างใหญ๋หลวง ซึ่งเป็นอำนาจในการโน้มน้าวใจผู้อื่นได้เป็นอย่างดี นี้คือเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุด ในการนำเราไปสู่ความสำเร็จ”
“คุณอธิบายให้ผมฟังเพิ่มเติมได้มั้ยครับ คุณพี”
“ได้สิ อาร์เธอร์ ไม่ช้าก็เร็ว คนที่ประสบความสำเร็๗ทุกคนตระหนักว่า การที่จะได้ในสิ่งที่คุณต้องการจากคนอื่น คนอื่นต้งมีความปรารถนาที่จะช่วยเหลือคุณเสียก่อน มีวิธีการอยู่ 6 วิธีที่จะทำให้คนอื่นทำในสิ่งที่คุณต้องการ นั่นคือน โดยการใช้กฎหมาย โดยการใช้เงิน โดยการใช้กำลังบังคับ โดยการกดดันทางอารมณ์ โดยใช้ความสวยงามของร่างกาย และโดยใช้การจูงใจ
วิธีการทั้งหมดนี้ “การจูงใจ” มีพลังอำนาจมากที่สุด มันยกระดับคุณขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง พ่อของอาลุน คานธี จูงใจลูกชายของท่านให้เป็นคนที่ซื่อสัตย์ตลอดชิวิตของเขา ฉันจูงใจประธนานบริษัทลาตินอเมริกา ให้ลงนานในข้อตกลง 10 ล้านเหรียญ และฉันหวังว่าจะสามารถจูงใจรองประธานฝ่ายขายของฉันไม่มีพฤติกรรมที่รีบกิน “มาร์ชมาลโลว์” ได้
“ยอดมากครับ คุณพี เราใกล้ถึงที่นัดหมายอีกแห่งของคุณแล้ว ผมแอบภาวนาให้ตถติดมากกว่านี้ เพื่อคุณจะได้มีเวลาเล่าเรื่องให้ฟังมากขึ้น ผมจะได้จดบันทึกสิ่งที่ได้เรียนรู้จากคุณหลังจากที่กลับถึงที่พักแล้ว คุณช่วยสรุปสิ่งที่เล่าในวันนี้ให้ผมฟังได้มั้ยครับ”
“ได้สิ อาร์เธอร์ นายสามารถจดลงไปว่า “คนที่ประสบความสำเร็จ เต็มใจทำในสิ่งที่คนที่ไม่ประสบความสำเร็จไม่เต็มใจทำ” นี้คือปรัชญาของฉัน และในวันพรุ่งนี้ฉันสัญญาว่าจะเล่าเรื่องให้นายได้เรียนรู้เพิ่มเติมอย่างน้อยอีก 1 เรื่องเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น”
เมื่ออาร์เธอร์กลับบ้าน เขาชำเลืองมองขนมมาร์ชมาลโลว์ 2 ก้อนที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนอนแล้วยิ้ม เพราะถึงแม้จะหิว เขาก็ไม่รู้สึกอยากจะกินมัน เขาต้องการเห็นว่าจะสามารถสะสมมันได้มากขนาดไหน เขาหยิบสมุดจดบันทึกออกมาและจดสิ่งที่ได้เรียนรู้ โดยแบ่งเป็นข้อๆ
- อย่ารีบกิน “มาร์ชมาลโลว์” ทันทีคอยให้ถึงเวลาที่เหมาะสมเพื่อที่คุณจะได้กิน “มาร์ชมาลโลว์ ได้มากขึ้น
- คนที่ประสบความสำเร็จต้องเป็นคนที่รักษาคำมั่นสัญญา
- เงิน 1 เหรียญเพิ่มขึ้นเท่าตัวทุกวันเป็นเวลา 30 วันจะมีค่าเท่ากับ 500 ล้านเหรียญดังนั้นให้คิดถึงผมตอบแทนระยะยาว
- เพื่อให้ได้สิ่งที่คุณต้องการจากคนนอื่น พวกเขาต้องมีความปรารถนาที่จะช่วยเหลือคุณและพวกเขาต้องไว้วางใจคุณ
- ทางที่ดีที่สุดที่จะทำให้คนอื่นทำอย่างที่คุณต้องการ คือ การจูงใจพวกเขา
- คนที่ประสบความสำเร็จ เต็มใจทำสิ่งที่คนที่ไม่ประสบความสำเร็จไม่เต็มใจทำ



ความสำเร็จเริ่มต้นขึ้นเมื่อคุณเต็มใจทำในสิ่งที่คนไม่ประสบความสำเร็จ.. ไม่เต็มใจทำ
“สิ่งที่กำหนดอนาคตของคุณ ไม่ใช่สิ่งที่คุณเคยได้ทำมาในอดีต แต่คือสิ่งที่คุณเต็มใจจะทำในปัจจุบัน”

“คุณพีครับ”
อาร์เธอร์เริ่มพูดโดยไม่มีการเกริ่มนำใดๆ ทันทีที่โจนาธานนั่งประจำที่อยู่ทางด้านหลังรถทาวน์ คาร์
“ช่ายยกตัวอย่างให้ผมฟังหน่อยครับว่า คนที่ประสบความสำเร็จ เต็มใจทำอะไรที่คนขี้แพ้ที่ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่เต็มใจทำ”
“อรุณสวัสดิ์ อาร์เธอร์”
“อรุณสวัสดิ์ ครับ คุณพี ผมไม่ได้ตั้งใจจะเสียมารยาท ผมแค่รู้สึกตื่นเจ้นที่จะได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่จะทำให้ประสบความสำเร็จในชีวิต”
“ฉันดีใจที่ได้ยินอย่างนั้น อาร์เธอร์ ฉันไม่ถือสาหรอก ฉันจะพยายามยกตัวอย่างสัก 2 ตัวอย่างแก่นายระหว่างที่เราเดินทางเข้าเมืองเช้านี้”
“ขอบคุณครับ คุณพี”
“นายคุ้นหูกับชื่อ ลาร์รี่ เบิร์ หรือเปล่า”
“นักเล่นทีม บอสตัน เซลติกส์ น่ะหรือครับแน่นอนครับ”
“ในช่วงหลังของอาชีพของเขา หลังจากที่เขาได้สร้างชื่อเสียงโด่งดังมาเป็นเวลานาน และแม้กระทั่งเมื่อเล่นให้กับทีมที่เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐาน เขาปลูกฝังอุปนิสัยในการมาถึงสนามก่อนคนอื่นหลายชั่วโมงเพื่อที่เขาจะได้ประกอบพิธีกรรมอันละเอียดอ่อน”
“มันคืออะไรครับ คุณพี”
“เขาจะเลี้ยงลูกบอลอย่างช้าๆ ขึ้นลงไปตามสนามหัวของเขาก้มต่ำตลอดเวลา ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะเขากำลังตรวจสอบสนามทุกตารางนิ้วเพื่อให้รู้ว่าสนามมีข้อบกพร่องตรงไหน เผื่อเขาได้ลูกบอลและพอพวกเขานำหน้าไป 1 แต้มหรือล้าหลังไป 1 แต้ม เขาจะได้ไม่เสียการควบคุมลูกบอล หากมันกระเด้งไปยังจุดบนสนามที่อาจทำให้เพลี่ยงพล้ำได้”
“เขาทำอย่างนี้ทุกเกมเลยหรือครับ ไม่น่าเชื่อ”
“ไม่น่าเชื่อจริงๆ นี้คือ ชายที่ทเงินหลายร้อยล้านเหรียญ กำลังอยู่บนสนามตามลำพัง และทำสิ่งที่ไม่มีใครทำ เขาประสบความสำเร็จเพราะเขาเต็มใจทำสิ่งที่คนไม่ประสบความสำเร็จไม่เต็มใจทำ ลาร์รี่ เบิร์ด ไม่ได้มีทักษะใดๆ ที่โดดเด่นในฐานะนักบาสเก็ตบอล ไม่เว้นแม้แต่การชู้ตลูกบอล ในฐานะ จั๊มเปอร์” เขาน่าจะอยู่ในอันดับที่ 253 ของลีก และในฐานะ รันเนอร์ เขาน่าจะอยู่ในดันดับที่ 146 เขาไม่มีทักษะใดที่เหนือกว่าผู้เล่นคนอื่นเลย แต่ถึงกระนั้นเขาก็ติด 1 ใน 50 ผู้เล่นที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของกีฬาบาสเก็ตบอล
โจนาธานกว่าวต่อ “เขาเต็มใจที่จะทำงานหนักกว่าและด้วยวิธีการที่ฉลาดกว่าคนอื่นๆ และเขาประสบความสำเร็จมากกว่าผู้เล่นคนอื่นที่มีพรสวรรค์มากกว่าเขาถึงขนาดที่คนล่ำลือกันว่าเขาฝึกยิงลูกโทษวันล่ะ 300 ลูก”
“และคุณพูดว่าเขายังคงทำเช่นนี้เมื่ออยู่บนจุดสูงสุดของอาชีพ ทั้งๆที่สามารถนั่งเฉยๆ กิน “มาร์ชมาลโลว์” ที่มีอยู่เต็มถุงและยังคงมีรายได้หลายร้อยล้านเหรียญ ช่างน่าประทับใจจริงๆ เขาสามารถเกษียณอายุได้อย่างสบายๆ แต่กลับไม่ทำ”
“ถูกต้อง เขาเล่นเกมทุกเกมส์เหมือนกับว่าเป็นการเล่นครั้งแรก เขาหาโอกาสที่จะฝึกฝนอย่างจริงจังทุกๆ ครั้ง แม้ว่าการแข่งขันครั้งนั้นจะไม่คู่ควรกับความพยายามของเขาก็ตาม”
“ผมคิดว่ายังพอมีเวลสำหรับอีกหนึ่งตัวอย่างครับคุณพี ถ้าคุณอยากจะเล่าต่อ”
“ฉันยังมีตัวอย่างเกี่ยวกับกีฬาอีกตัวอย่างหนึ่ง ฉันเคยเห็นนายสวมหมวกทีม นิวยอร์ก แยกกี้ส์ นายเป็นแฟนทีมนี้เหรอ”
“ผมไปดูเกมสการแข่งขันทุกครั้งที่มีโอกาสครับ”
“งั้นนายคงเคยยิน แคทเชอร์ ที่ชื่อ ฮอร์เฮ่ โพซาด้า”
อาร์เธอร์ ผงกศรีษะ
“แต่ฮอร์เฮ่ อายุยังน้อย ฮอร์เฮ่ ลูอิส พ่อของเขาจึงถามเขาว่าอยากจะเล่นในลีกที่ใหญ่หรือเปล่า ฮอร์เฮ่ ลูอีส เป็นแมวมองให้ทีมโคโลราโด้ ร็อคกี้ส์ และเป็นผู้เล่นให้ทีมคิวบา โอลิมปิด ดังนั้นเขาจึงรู้จักกีฬาเบสบอลและกีฬาอื่นๆ เป็นอย่างดี”
“ครับ พ่อ ผมอยากเป็นนักเบสบอล มืออาชีพและผมต้องการเล่นในลีกที่ใหญ๋” ฮอร์เฮ ตอบ”
“ถ้าอย่างนั้น ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ลูกจะเป็นแคทเชอร์”
“”แต่พ่อครับ ตอนนี้ผมเป็นเซคกัน เบสแมน ผมไม่ใช่ตำแหน่งแคชเชอร์ ฮอร์เฮ่ ค้าน ฮอร์เฮขอร้องให้พ่อเขายอมให้เขาเล่นเป็น เซคกัน เบสแมน แต่พ่อเขาไม่ยอม”
“ถ้าลูกต้องการเป็นนักเบสบอลในลีกที่ใหญ่ ลูกต้องเล่นในตำแหน่งแคชเชอร์ พ่อรู้ดีว่าพ่อพูดอะไรอยู่ไ
“ฮอร์เฮ ยอมทำตามที่พ่อของเขาต้องการ และในวันรุ่งขึ้นเขาก็กลายเป็ฯแคทเชอร์ ผู้จัดการทีมของ ฮอร์เฮ่ ในตอนนั้นไม่ได้ต้องการแคทเชอร์และไล่เขาออกจากทีมเขาจำเป็นต้องหาทีมใหม่เพื่อเล่นเป็นแคทเชอร์ ในที่สุด มีทีมหนึ่งรับเขาเข้าร่วมทีมในฐานะตัวสำรอง วันหนึ่งแคทเชอร์ตัวจริงเจ็บหัวเข่าและฮอร์เฮ่ได้มีโอกาสเล่นเป็นแคทเชอร์ แม้จะทำได้ไม่ดีนัก แต่เขามีความสามารถและผู้จัดการทีมเต็มใจที่จะสอนเขา”
“ต่อมาฮอร์เฮ่ ลูอิส ถามลูกชายว่ายังคงต้องการเล่นนีกใหญ่ๆ อยู่หรือไม่ ฮอร์เฮ่ ตอบว่าเขาอยากเล่น”
“ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้ลูกเริ่มหักเล่นด้วยมือซ้าย”
อีกครั้งหนึ่งที่ ฮอร์เฮ่ เถียงพ่อเของเขา “พ่อครับ ผมถนัดขวา”
“ถ้าลูกต้องการเล่นในลีกใหญ่ๆ ลูกต้องเป็ฯแคชเชอร์ที่ถนัดใช้มือทั้งสองข้าง”
“ฮอร์เฮ่ เห็นด้วยกับพ่อของเขา เขาเริ่มตีด้วยมือซ้ายและตีพลาดถึง 16 ครั้งติดต่อกัน (ตามที่ฮอร์เฮ่เล่า แต่พ่อของเขาบอกว่าเขาตีพลาด 23 ครั้ง” จนกระทั่งในที่สุดเขาสามารถตีได้ด้วยมือซ้าย”
“ในปี 1998 ฮอร์เฮ่ ตีได้ 19 โฮมรันและ 17 ครั้งด้วยการใช้มือซ้าย ในปี 2000 เขาตีโฮมรันได้ทั้งจากการตีด้วยมือซ้ายและมือขวาในเกมเดียวกัน เบอร์นี่ วิลเลี่ยมส์ทำสิ่งนี้ได้เช่นเดียวกัน เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เบสบอลที่ผู้เล่น 2 คนจากทีมเดียวกันสามารถทำสิ่งนี้ได้ ฮอร์เฮ่ตีได้ 28 โฮมรันในปี 2000 ตัวเขาพร้อมด้วยดีเร็ก จีเทอร์ เบอร์นี่ วิลเลี่ยมส์ มาริโน่ ริวีร่า ต่างก็ตีได้22 โฮมรัน ในปี 2003 เขาเล่นในออล สตาร์เกม ลและลงนามในสัญญาที่มีมูลค่า 51 ล้านเหรียญ ที่ดียิ่งกว่าอะไรทั้งหมดคือ เขาตีได้ 30 โฮมรันซึ่งเท่ากับสถิติของโยกิ เบอร่า ซึ่เป็นโฮมรันที่สูงที่สุดที่ทำโดยแคทเชอร์ในประวัติศาสตร์ของแยงกี้”
“ผมรู้ว่าทำไมครับ คุณพี เป็นเพราะเขาเต็มใจทำในสิ่งที่ผู้เล่นที่ไม่ประสบความสำเร็จไม่เต็มใจทำ”
“ถูกต้อง เขาเต็มใจที่จะเป็นแคทเชอร์ถึงแม้ว่าเขาคิดว่าควรจะเป็นเซคกัน เบสแมน เขาเต็มใจเรียนรู้ที่จะตีมือซ้าย ถึงแม้เกิดมาถนัดขวา เพื่อที่จะประสบความสำเร็จเขาเต็มใจที่จะตัดสินใจเลือกและอุทิศตนอย่างที่คนที่ไม่ประสบความสำเร็จไม่เต็มในทำ”
“ผมรู้สึกชื่นชมที่คุณเล่าเรื่องเหล่านี้ให้ผมฟังครับ คุณพี แต่ผมก็ยังคงพยายามคิดว่าจะนำไปประยุกต์ใช้กับชีวิตของผมได้ยังไง และยังรู้สึกกังวลอยู่ จากการวิจัยในเรื่อง “มาร์ชมาลโล่ว์” สรุปว่าคุณและเด็กคนอื่นๆ อายุ 4-6 ขวบไม่ว่าคุณกินมาร์ชมาลโลว์หรือไม่ ดูจะเป็นตัวกำหนด ความสำเร็จในอนาคตอขงคุณ ถ้วเช่นนั้นเด็กๆ และผู้ใหญ่อย่างผม ที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นพวกที่มีพฤติกรรมไม่สามารถชะลอความต้องการให้ตนเองบรรลุความพึงพอใจในทันทีทันใดหรือเป็นพวกที่รีบกิน มาร์ชมาลโลว์ ในอดีต จะสามารถประสบความสำเร็จเช่นเดียวกันหรือเปล่าครับ หรือเราถูกกำหนดให้กิน “มาร์ชมาลโลว์” ทุกก้อนที่วางอยู่ตรงหน้าเราไปจนตลอดชีวิต”
“อาร์เธอร์ ถ้าฉันเชื่อเช่นนั้น ฉันจะไม่เล่าเรื่องเหล่านี้ให้นายฟัง แน่นอนว่า ถ้านายได้ฝึกห้ามใจหรือชะลอดความต้องการให้ตนเองบรรลุความพึงพอใจในทันที ทันใดมาตลอดชีวิต มันก็จะเป็นการง่ายกว่าที่จะห้ามใจตัวเองไม่ให้กิน “มาร์ชมาลโลว์ เมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ แต่มันก็ง่ายกว่าที่จะตีลูกด้วยมือซ้ายและมือขวา ถ้านายเกิดมาถนัดใช้มือทั้ง 2 ข้าง แทนที่จะเกิดมาถนัดใช้มือแค่ข้างใดข้างหนึ่ง ความสำเร็จขึ้นอยู่กับความเต็มใจของนายที่จะทำสิ่งที่จำเป็นต้องทำเพื่อให้บรรลุความสำเร็จ และวันที่นายเริ่มทำตามสิ่งที่เต็มใจ มันคือก้าวแรกที่นำนายไปสู่ความสำเร็จ คำที่สำคัญคือ คำว่า “ตอนนี้”
“ผมรู้สึกดีที่ได้ยินอย่างนั้นครับ สิ่งที่กำหนดอนาคตของคุณไม่ใช่สิ่งที่คุณเคยได้ทำมาในอดีต แต่คือสิ่งที่คุณเต็มใจจะทำในปัจจุบัน”
“ใช่แล้ว อาร์เธอร์ ดังนั้น นี้คือคำถามที่นายต้องถามตัวเอง “ฉันจะต้องเต็มใจทำอะไรในวันนี้ เพื่อประสบความสำเร็จในวันพรุ่งนี้”
“คุณให้ขอ้คิดผมไว้มากครับ คุณพี และผมต้องทำอะไรกับมนอีกเยอะโดยที่ไม่มีคุณ คุณพี คุณยังจะไปบัวโนสไอเรส พรุ่งนี้เช้าหรือเปล่าครับ”
“ไป อาร์เธอร์ ฉันจะไป 5 วัน เมื่อฉันกลับมาเราจะมีเรื่องคุยกันอีกมากมาย”

อาร์เธอร์เขียนลงบนสมุดจดบันทึกในคืนนั้นว่า
ความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า
ในอดีตคุณเป็นพวกที่มีพฤติกรรมรีบกิน “มาร์ชมาลโลว์”
หรือเป็นพวกที่สามารถห้ามใจไม่รีบกิน “มาร์ชมาลโลว์”
แต่ความสำเร็จขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณเต็มใจทำในวันนี้เพื่อประสบความสำเร็จในวันพรุ่งนี้”
อาร์เธอณืมองขนมมาร์ชมาลโลว์ 4 ก้อนที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนอน พรุ่งนี้เขาจะมีขนมมาร์ชมาลโลว์ 8 ก้อนและเมื่อคุณพีกลังมา ถ้าเขาไม่ได้กินมันแม้แต่ก้อนเดียว เขาจะมีขนมมาร์ชมาลโลว์ 128 ก้อนเชียวหรือ ถ้าเยอะขนาดนั้นเขาอาจจะต้องซื้อมันเพิ่มอีกสัก 2-3 ถุง
อาร์เธอร์ดึงกระเป๋าสตางค์ออกมาและรู้สึกแปลกใจที่พบว่า ก่อนวันเงินเดือนออกหนึ่งวัน เขามีเงินเหลือเกือบ 200 เหรียญ มันเป็นไปได้ยังไง เกือบทุกอาทิตย์เมื่อถึงเวลาที่เงินเดือนเดือนใหม่เข้าธนาคาร เขามีเงินเหลือแค่ 20 เหรียญ และมีมากกว่าหนึ่งครั้งที่อยู่รวอดด้วยเศษเงินที่หาได้ตามเบาะรถหรอืเก้าอี้โซฟา บ่อยครั้งที่รู้สึกงงไม่หายว่าเงินของเขาหายไปไหนหมด แต่ตอนนี้เขากลับงงว่า ทำไมเงินจึงเหลือ
ดูเหมือนจะเป็นสิ่งท่ำสำคัญที่ต้องค้นหาคำตอบด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงหยิบสมุดจดบันทึกออกมาและเขียนรายการลงไป
- เงินที่เก็บได้จากการกินข้าวที่บ้าน(70 เหรียญ)
อาร์เธอร์ไม่พลาดอาหารของแม่ครัวคนเก่งเอสเพอเรนซ่าทั้งอาทิตย์ เขาอยู่บ้านมากขึ้น เป็นเวลา 5 ปีที่เขามีงานเลี้ยงที่ให้ความสะดวกสบายซึ่งมาพร้อมกับอาหารชั้นดี และยังคงยังคงหยุดซื้ออาหารจานด่วนอย่างน้อยวันล่ะ 2 ครั้ง ดังนั้นถ้าเขาประหยัดเงินอาทิตย์ล่ะ 70 เหรียญทุกอาทิตย์ด้วยการกินข้าวที่บ้าน เขาก็จะมีเงินเก็บ 3,640 เหรียญตอนสิ้นปี อาร์เธอร์ไม่เคยมีเงินเก็บตั้งแต่ก่อนหน้าที่เขาจะใช้เงินที่ได้จากงานวันเกิดครบรอบ 16 ปีไปกับรถคอร์เว็ตต์
- เงินที่เก็บได้จากการไม่ไปเที่ยวบาร์( 50 เหรียญ)
อาร์เธอไม่ใช่คนที่ชอบดื่นหนัก แต่เขามักแวะตามคลับ 1-2 ครั้งต่ออาทิตย์ เครื่องดื่ม 2 แก้วกับค่าทิปทำให้ต้องจ่ายเงิน 20 เหรียญ และเขามักจะซื้อเครื่องดื่มให้กับคนอื่น เพื่อนหรือสาวสวยอาทิตย์นี้เขามัวแต่หมกมุ่นครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับขนมมาร์ชมาลโลว์และทำอย่างไรที่จะไม่กินมัน เขาจึงบรรลุเป้าหมายโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งหมายถึงการประหยัดเงินได้ 50 เหรียญโดยที่ไม่ต้องใช้ความพยายาม ดังนั้นถ้าทำเช่นนี้ทุกอาทิตย์ เขาก็จะมีเงินถึง 2,600 เหรียญตอนสิ้นปี
- เงินที่เก็บได้จากการงดเล่นเกมส์โป๊กเกอร์ประจำอาทิตย์(50 เหรียญ)
อาร์เธอร์หมกมุ่นอยู่กับการค้นคว้าทางอินเทอร์เน็ตด้วยคอมพิวเตอร์ของคุณพีในคืนวันพฤหัสบรดจนเขาลืมไม่ได้ไปเล่นโป๊กเกอร์ อาร์เธอร์เป็ฯนักเล่นโป๊กเกอร์ที่ดีที่เดียว เขาไม่เคยหมดตัวเหมือนบางคน แต่เขาคงต้องโกหกตัวเองแน่นๆ ถ้าแสร้งทำเป็นว่าเล่นชนะทุกครั้ง เขามักใช้เงิน 100 เหรียญในการเล่นเกม และบางครั้งกลับบ้านพร้อมเงิน 200 เหรียญบางครั้งก็กลับบ้านอย่างหมดตัว เขามักใช้เงินอาทิตย์ล่ะประมาณ 50 เหรียญไปกับการเล่นโป๊กเกอร์
ดังนั้น อาทิตย์นี้ เขาประหยัดเงินได้อีก 70 เหรียญจากค่าอาหารและ 50 เหรียญจากการไม่ไปเที่ยวบาร์และงดการเล่นพนัน ซึ่งรวมเป็นเงิน 170 เหรียญอาทิตย์ที่แล้วเขารุ้สึกมีความสุขที่มีเงินเหลือ 30 เหรียญ ในกระเป๋าในคืนก่อนเงินเดือนออก น่าประหลาดใจที่ค่าใช้จ่ายจำนวนมากของอาร์เธอร์เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาคือการซื้อขนมมาร์ชมาลโลว์เพียงแค่ 1.77 เหรียญ
มันเป็ฯไปได้มั้ยที่เขาจะสามารถประหยัดเงินจำนวนเท่านี้ได้ทุกอาทิตย์ เป็ฯไปได้สิ เป็นไปได้อย่างแน่นอนอาทิตย์นี้เขาเพิ่งพิสูจน์ไปว่าเขาทำได้ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าเขาจะทำได้อย่างจริงจังแค่ไหน
เขาแน่ใจว่าสามารถกินข้าวที่บ้านได้ ถึงแม้จะพลาดอาหารบางมือ้ แต่ครัวก็เปิดสำหรับเขาตลอดเวลา ภายใน 2 นาที เขาสามารถทำแซนวิสเนื้อ แซนวิชหมูตุ๋น หรืแ แซนวิชคิวบัน มีเหตุผลอะไรที่ต้องใช้เวลาขับรถเข้าไปซื้ออาหารจานด่วนเป็ฯเวลา 5 หรือ 10 นาที ทั้งๆ ที่มีอาหารดีๆ เช่นนี้รอคอยที่บ้าน
ใช่แล้ว เขาสามารถประหยัดเงิน 70 เหรียญสำหรับค่าอาหารใน 1 อาทิคย์ ซึ่งสามารถสะสมรวมเป็นเงิน 3,640 เหรียญต่อปี
แล้วค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเที่ยวบาร์ล่ะ เป็นไปได้ว่าเขายังคงไปที่ยวบาร์บางครั้งบางคราว แต่ถ้าไปเที่ยวบาร์น้อยลง และเริ่มให้เพิ่มนของเขาซื้อเครื่องดื่นให้เป็ฯการตอบแทนบ้าง หรือเลิกลล้มความพยายามแย่ๆ เพียงเพื่อนสร้างความประทับใจให้สาวๆ เขาก็จะประหยัดเงิน 30เหรียญต่ออาทิตย์ได้อย่างง่ายๆ ซึ่งหมายถึงเงิน 1,560 เหรียญเมื่อสิ้นปี
แล้วเกมสืโป๊กเกอร์ล่ะ อาร์เอร์รู้สึกสนุกสนานกับมันเขาไม่ต้องการเลิกเล่นอย่างถาวร แต่ถ้าเล่นน้อยลงสักครึ่งหนึ่ง เขาจะประหยัดเงินได้ 1,300 เหรียญต่อปีเลยที่เดียว
อาเธอร์บวกจำนวนเงินเหล่านี้
- เงินที่ประหยัดจากค่าอาหาร 3,640 เหรียญต่อปี
- เงินที่ประหยดจากค่าเที่ยวบาร์ 1,560 เหรียญต่อปี
- เงินประหยัดจากค่าเล่นโป๊กเกอร์ 1,300 เหรียญต่อปี
รวมเป็นเงิน 6,500 เหรียญต่อปี

ก่อนที่จะเก็บสมุดจดบันทึก อาร์เฮณืลองคำนวณดูเล่นๆ เขานับขนมมมาร์ชมาลโลว์ 66 ก้อนที่อยู่ในถุงที่ซื้อมาในราคา 1.77 เหรียญต่อถุง เขาสามารถซื้อได้ 3,672 ถุง หรือขนมมาร์ชมาลโลว์ 242,352 ก้อนด้วยเงินที่เก็บได้ทั้งปี หรือบางทีสามารถซื้อบางสิ่งบางอย่างที่มีค่ามากกว่านี้ได้อีก...
ขณะที่ล้มตัวลงนอนในคืนนั้น สองของเขาเต็มไปด้วยความคิดต่างๆ นานา แต่ความคิดที่เด่นชัดที่สุดคือคำพูดยืนยันของคุณพี ที่ว่า เขาไม่ได้ถูกกำหนดให้มีชีวิตที่มีความพึงพอใจอันมีขีดจำกัด ว่าแต่ว่า คุณพีพูดว่าอะไรนะ
“ความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับอดีต หรือปัจจุบันของคุณความสำเร็จเริ่มต้นขึ้นเมื่อคุณเต็มใจทำในสิ่งที่คนที่ไม่ประสบความสำเร็จไม่เต็มใจทำ”



ทำชีวิตให้ดีขึ้น ด้วยกฎ 30 วินาที

“ไม่ว่าคุณจะประกอบอาชีพใดก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่คุณสามารถเชื่อโยงเข้ากับคนอื่นได้ คนเหล่านนั้นจะเป็นคนตัดสินใจว่าเขาจะเชื่อโยงเข้ากับคุณได้หรือม่ภายใน 30 วินาที แรกที่พบคุณ”

อาร์เธอร์จอดรถเป็นคันแรกของคิวเมื่อโจนาะนเพเชี่ยน กลับมาจาก บัวโนส ไอเรส
เขชากระโดดออกจากเบาะที่นั่งเพื่อคว้ากระเป๋าของนายจ้าง
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ คุณพี เป็นการเดินทางที่ดีหรือเปล่าครับ ชายอาร์เจนตินาต้อนรับต่อคุณดีหรือเปล่า แล้วคุณมีโอกาสได้เต้นแทงโก้บ้างหรือเปล่าครับ”
“สวัสดี อาร์เธอร์ ขอบใจที่ถาม บัวโนส ไอเรส ดีพอสมควร ฉันไม่มีโอกาสได้ฝึกแทงโก้ในการเงินทางเที่ยวนี้หรอก นายรู้มั้ยเมื่อคิดึงสถานการณ์ของประเทศอาร์เจนติน่า ชาวอาร์เจนติน่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก ความจริงหลักการ “มาร์ชมาลโลว์” สามารถนำไปใช้ในระดับประเทศได้เช่นเดียวกับระดับบุคคลเลยล่ะ”
“คุณหมายความว่ายังไงครับ คุณพี”
“อาร์เจนติน่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลกในแง่ของทรัพยยากรธรรมชาติ แต่ประเทศก็ยังล้มละลายหลายปีที่แล้ว ประเ?สนี้เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลก ตอนนี้พวกเขากลับอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ ถึงไม่แย่เท่ากับประเทศคิวบาหรือประเทศไฮติ แต่ก็ย่ำแย่มาก”
“ทำไม่ถึงเป็นอย่างนั้นล่ะครับ”
“อาร์เธอร์ นี้เป็นคำถามที่ซับซ้อน เราพูดได้ว่ามันมีหลายเหตุผล การโกงกินในรัฐบาลเป็นเหตุผลหนึ่ง (ถึงแม้พวกเขาเพิ่งเลือกตั้งประธานนาธิบดีคนใหม่ที่พูดว่าจะจัดการกับปัญหานี้) การวางแผนจัดการที่ไม่ดีและผู้คนที่มี่แรงจูงใจ (รวมถึงคนที่พูดว่าพวกเขา “ขาดแรงจูงใจ” จากผู้นำของพวกเขา) ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ พวกเขาใช้จ่ายเงินมากกว่าที่หาได้ เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนของการที่พวกเขารีบกิน “มาร์ชมาลดลว์ เร็วเกินไป”
“นายลองดูประเทศญี่ปุ่น สิงค์โปร์ มาเลเซีย หรือเกาหลีใต้สิอาเธอร์ การพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้เหนือกว่าประเทศในแถบลาตินอเมริกาใต้หลายประเทศอย่างมาก”
“ทำไมหรือครับ คุณพี”
“ก็เพรำวกเขาไม่กิน “มาร์ชมาลโลว์” ทั้งหมดไงล่ะ อาร์เธอร์ พวกเขาเก็บมันไว้จำนวนมาก ในฐานะเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายคิวบา ผมรู้สึกเศร้าใจกับชาวลาตินอเมิรกามีผู้คนที่เก่งและมีคุณภาพดีมากอยู่ในโลกแถบนั้น และพวกเขามีทรัพยากรที่สามารถช่วยให้ประสบความสำเร็จได้อย่างมาก พวกเขามีทรัพยากรประมาณ 30 เปอร์เซนต์ของทรัพยากรทั้งหมดบนโลกนี้ แต่กลับสร้างผลผลิตได้เพียง 9 เปรอ์เซ้นต์ของผลผลิตทั้งโลก เราจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ และวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งในชีวิตของฉันคือช่วยพวกเขาให้พัฒนาให้ดีขึ้นและประสบความสำเร็จมากขึ้น อินเทอร์เน็ตจะเป็นเครื่องมือช่วยเหลือที่ดีในการนำชาวลาตินอเมริกร ออกจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำยกเว้นประเทศคิวบาที่พลเมืองทั่วไปไม่ได้รบอนุฐาตให้ใช้อินเทอร์เน็ต ส่วนประเทศอื่น ในแถบลาตินอเมริกา มีปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว”
“คุณพีครับ คุณนี้เป็นอัจฉริยะจริงๆ “ อาร์เธอร์กล่าว
“ไม่หรอก อาร์เธอ ฉันไม่ใช่อัจฉริยาะ มันเป็นแค่สามัญสำนึกและการอ่านหนังสือจำนวนมากเท่านั้น”
“ผมขอถามหน่อยนะครับคุณพี คนเอเชียลาดกว่าคนลาตินอเมริกา หรือเปล่าครับ”
“ไม่หรอก อาร์เธอร์ มีผู้คนที่ฉลาดมากอาศัยอยู่ทั้ง 2 แห่ง แนคิดว่ามันเกี่ยวข้องกับวิถีการดำเนิชีวิตหรือวัฒนธรรมในการดำเนินชีวิตมากกว่า”
“ผมเห็นได้ชัดว่ามันเป็นการเปรียบเทียบระห่างคนที่ไม่สามารถชะลอความพึงพอใจรีบกิน “มาร์ชมาลโลว์” กับคนที่ห้ามใจไม่รับกิน “มาร์ชมาลโลว์” ได้”
“นายเป็นคนที่ฉลาด อาร์เธอร์ นายเรียนรู้ได้ไว”
“ขอบคุณครับ คุณพี ว่าแต่ว่า คุณจำได้มั้ยครับว่าเมื่อนานแล้วคุณเคยอนุญาตให้ผมใช้คอมพิวเตอร์ของคุณ”
“ใช่... ทำไมเหรือ”
“ผมหวังว่าคุณจะไม่ว่าอะไร แต่ผมใช้มันขณะที่คุณไม่อยู่ ไม่แน่ใจว่าคุณยังอนุญาตให้ใช้อยู่หรือเปล่า ผมต้องขอโทษถ้าคุณไม่อนุญาต”
“เท่าที่ฉันจำได้ ฉันพูดว่านายสามารถใช้คอมพวิเตอร์ตอนไหนก็ได้ที่ฉันไม่ได้ใช้ ตราบใดที่นายใช้มันอย่างมีความรับผิดชอบ ฟังถูกต้องมั้ย”

“นายใช้มันค้นหารูปโป๊ในอินเทอร์เน็ตหรือเปล่า...”
“เปล่าครับ คุณพี”
“เล่นการพนันหรือ”
“เปล่าครับ”
“ประมูลสิ่งที่นายไม่สามารถซื้อได้ในอีเบย์หรือ...”
“เปล่าครับ”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันสันนิษฐานว่านายใช้มันอย่างมีความรับผิดชอบ อาร์เธอร์ และนายสามารถใช้มันได้เมื่อใดก็ตามที่ต้องการ”
“ขอบคุณครับ คุณพี แล้ว.... คุณจะไม่ถามผมหรือว่าผมใช้มันทำอะไร”
“ไม่หรอก อาร์เธอร์ ฉันเชื่อว่านายจะบอกฉันถ้านายต้องการหือเมื่อนายพร้อม ฉันดีใจที่นายสนใจคอมพิวเตอร์ เพราะมันคือแหล่งข้อมุลอันมีค่า”
“ดังนั้นผมกำลังค้นพบบางสิ่งบางอย่างครับ คุณี ผมกำลังค้นพบบางสิ่งบางอย่างอยู่”
“นายมีอะไรจะถามฉันหรือเปล่า ก่อนฉันเดินทางนายถามฉันเกี่ยวกับความสามารถในการห้ามใจไม่กิน “มาร์ชมาลโลว์” นายมีคำถามเพิ่มเติมอีกเหรือเปล่า”
“ผมสามารถนำแรงบันดาลใจบางอย่างที่ได้จากเรื่องที่คุณเล่าไปใช้ครับ”
“ฉันเคยบอกนายก่อนหน้านี้ว่าพ่อของฉันเรียนที่สแตนฟรอ์ด นี่คือเหตุผลที่ฉันได้เข้าร่วมการศึกษาทฤษฎี “มาร์ชมาลโลว์” แต่ฉันไม่เคยบอกนายว่าท่านปอยู่ตรงนั้นได้ยังไง และการได้รับปริญญามีความหมายกับท่านแค่ไหน เมื่อพ่ออยู่ที่ประเทศคิวบา พ่อเคยเป็นนักหนังสือพิมพ์ที่ประสบความสำเร็จ แต่งหนังสือถึง 17 เล่น รู้จักกับ ฟีเดล คาสโตร แต่ก็ต่อต้านเขาอย่างเปิดเผย”
“เมื่อพ่อออกจากประเทศคิวบา พ่อไม่มีเงินติดตัวเลย พวกเขาพรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากท่าน และในขณะนั้นแม่ของฉันกำลังตั้งท้องฉัน พ่อทำงานทุกอย่างที่หาได้แต่ทุกครั้งที่ได้รับเงินเดือน พ่อจะเก็บไว้บางส่วนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเงินน้อยนิดสักแค่ไหน และเมื่อไม่สามารถหางานทางด้านหนังสือพิมพ์ทำได้ในอเมริกา พ่อก็เปลี่ยนอาชีพ นั่นคือเมื่อพ่อเริ่มต้นสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลับและต่อมาได้ทุนเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดซึ่งเป็นมาหวิทยาลัยที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ต้องทำงานเพื่อจ่ายค่าเล่าเรียน แต่ก็ทำทั้ง 2 อย่างในเวลาเดียวกัน คือ ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย”
“พ่อสอนหลักการใช้ชีวิตให้กับฉัน พ่อยืนยันให้ฉันเปิดบัญชีออมทรัพย์เมื่อฉันทำงานป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์เมื่อตอนอายุ 13 พ่อยังสนับสนุนให้ฉันสมัครเข้าเรียนในโรงเรียรที่ดีที่สุดของประเทศ ซึ่งฉันก็ทำตาม ฉันได้ปริญญาตรีและปริญญาโททางด้านบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย อาจารย์รับฉันเข้าเรียนส่วนหนึ่ก็เพราะฉันเล่าให้พวกเขาฟังเกี่ยวกับแนวความคิด “มาร์ชมาลโลว์” ที่ได้เรียนรู้จากพ่อ”
“การจบปริญญาโททางด้านบริหารธุรกิจจากมาหวิทยาลัยโคลัมเบีย ทำให้ฉันหางานค่อนข้างง่าย และในที่สุดแนก็ได้งาน บริษัท ซีร๊อกซ์ รับฉันเข้าทำงานทันทีที่เรียนจบ และฉันเริ่มต้นทำงานด้วยเงินเดือนที่ดีจำได้มั้ยว่าพ่อของฉันเก็บเงินส่วนหนึ่งที่ได้จากเงินเดือนของท่านแม้เมื่อท่านไม่มีเงินพอที่จะจ่ายค่าอาหาร ฉันเก็บเงิน 30 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมด นอกจากนี้ยงเข้าร่วมในแผนออกเงินเพื่อวัยเกษียณอายุของบริษัท ซีร๊อกซ์ได้สมทบเงินจำนวนเท่ากับที่ฉันให้บริษัทหักจากเงินเดือนเช่นเดียวกับหลายๆ บริษัท ฉันได้รับการเลื่นตำหน่งและขึ้นเงินเดือน มีความสะดวกสบายและประสบความสำเร็จพอตัว”
“หลังจากนั้นฉันได้ข่าวเกี่ยวกับบรษัทอินเทอร์เน็ตที่กำลังประสบปัญหา และฉันต้องตัดสินใจว่าจะอยู่กับซีร๊อกซืและไต่เต้าไปสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น หรือจะยอมเสี่ยงเพื่อความสำเร็จหรือความล้มเหลวที่อาจเกิดขึ้น โดยเริ่มยืนบนขาของตัวเอง โชคดีที่ฉันมีเพื่อนที่ซีร็อกซืที่ตัดสินในไปลุยงานกับแน เราซื้อบริษัท อี-เอ็กซเพิร์ต พับลิชชิ่ง และสร้างมันขึ้นมาโดยมุ่งไปที่ความต้องการของตลาดในเรื่องการออกแบบเว็บและการตลาดทางอินเทอร์เน็ต และดดย นำเอาประสบการณ์ทางด้านการเป็นนักฝึกอบรมกับนักขายที่ซีร๊อกซืมาใช้ เราสามารถขยายหลักสูตรฝึกอบรมที่ลูกค้าสามารถเรียนรู้ได้เองผ่านอินเทอร์เน็จ และเรามุ่งเจาะไปที่ลูกค้ารายใหญ่แทนที่จะเป็นลูกค้ารายเล็กซึ่งหมายถึงกำไรหลักล้าน อีกทั้งการสร้างแบรนด์ให้ติดตลาด”

“อาร์เธอร์ ประเด็นทั้งหมดนี้คือ คนจำนวนมากสามารถทำสิ่งที่เราทำที่ อี-เอ็กซ์เพิร์ด พับลิชชิ่ง ได้มีผุ้จัดการด้านฝึกอบรมนับแสนคนในโลกนี้ที่สามารถตัดแปลงทักษะด้านการสอนของพวกเขาให้เข้ากับความรู้ทางด้านเทคนิคเกี่ยวกับเว็บ และอย่างน้อยึครึ่งหนึ่งของคนเหล่านี้มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านการขายมากพอที่จะใช้ประโยชน์จากพลังอำนาจของการไม่รีบกิน “มาร์ชมาลโลว์ โดยการไม่รีบจับลูกค้ารายเล็กๆ แต่อดกลั้นรอลูกค้รายใหญ่ ซึ่งเป็นลูกค้ารายที่สำคัญมากกว่าได้”
“แต่ไม่มีใครทำ”
“ใช่ เราเป็นรายแรก แกต่หลังจากนั้นมีคนอื่นๆ พยายามทำตามและอีกไม่นานก็จะมีคนอื่นๆ อีกมากที่ไล่หลังเรามาติดๆ “
“แล้วคุณนำหน้าคนอื่นได้ยังไงครับ คุณพี”
“อาร์เฮร์ ฉันจะให้นายดูสิ่งที่พ่อให้ฉันเมื่อตอนที่ฉันยังเด็ก”

โจนาธานดึงเอากระเป๋าสตางค์ของเขาออกมาและคลี่กระดาษแผ่นเล็กๆ มันเขียนไว้ว่า
“ทุกเช้าในแอฟริกา กาเซล” ตื่นขึ้นมา มันรู้ว่ามันต้องวิ่งให้เร็ว เร็วกว่าสิ่งโตตัวที่วิ่งเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นสิ่งโตจะฆ่ามัน
ทุกเช้าสิงโตตื่นขึ้นมา มันรู้ว่ามันต้องวิ่งให้เร็ว เร็วกว่ากาเซลตัวที่วิ่งช้าที่สุดไม่อย่างนั้นมันจะอดตาย...
.. ไม่สำคัญว่าคุณเป็นสิงโตหรือกาเซล เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น คุณควรจะออกวิ่ง....”
หมายเหตุ. กาเซล สัตว์เลียงลูกด้วยนม มีลักษณะคล้ายกวาง แต่เป็นสัตว์ตระกูลวัวพบมากในประเทศแถบทวีปแอพริกา
“ว้าว คุณพี เป็นคำคมที่ยอดเยี่ยมมากครับ”
“ใช่แล้ว อาร์เธอร์ นี่คือเหตุผลที่ฉันนำมันติดตัวไว้เป็นเวลา 20 ปี”
“ดังนั้น ทุกวันเราต้องพร้อมที่จะวิ่งให้เร็วกว่าคู่แข่งของเราและต้องเป็นผู้นำทางด้านการวิจัยและรู้ความต้องการของตลาดอยู่ตลอดเวลา”
“แล้วมีอะไรที่ทำให้คุณประสบความสำเร็จอีกครับ คุณพี”
“เราทำตาม “กฎ 30 วินาที” เสมอ ใครก็ตามที่เชี่ยวชาญในเรื่องกฎ 30 วินาทีจะประสบความสำเร็จมากกว่าคนที่ไม่ปฎิบัติตามกฎนี้ ถึงแม้คนที่ไม่ปฎิบัติตามกฎนี้จะฉลาดกว่า มีพรสวรรค์มากกว่า และหน้าตาดีกว่าก็ตาม”
“กฎนี้คืออะไรครับ คุณพี”
“ไม่ว่าคุณจะประกอบอาชีพใดก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการที่คุณสามารถเชื่อมโยงเข้ากับคนอื่นได้ คนเหล่านั้นจะเป็นคนตัดสินใจว่าเขาจะเชื่อมโยงเข้ากับคุณได้หรือไม่ ภายใน 30 วินาที แรกที่พบคุณ”
“หมายความว่าคุณต้องสร้างความประทับใจในครั้งแรกที่ได้พบให้กับคนที่คุณไปพบ หรือลูกค้า หรือมิฉะนั้นก็ลืมมันไปเสีย”
“ทำนองนั้น ถ้าคนอื่นตัดสินใจว่าพวกเขาชอบนายพวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะชอบทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวนาย นายเคยกระโดดโลดเต้นไปรอบๆ เวลารู้สึกตื่นเจ้นบ้างมั้ย คนที่ชอบนายจะมองว่ามันเป็นความกระตือรือร้น คนที่ไม่ชอบนายจะคิดว่าการที่นายกระโดดโลดเต้นเป็นการกระทำ ที่งี่เง่า คนสัมภาษณ์งานที่ชอบนายอาจแปลความมีมารยาทงามของนายว่านายเป็นคนช่างเกรงใจ ขณะที่คนที่ไม่ชอบนายอาจตราหน้าว่านายเป็นคนที่อ่อนแอ ถ้าผู้จัดการชอบนา เขาจะมองความมั่นใจของนายว่าเป็นคุณลักษณะที่โดดเด่น ผู้จัดการที่ไม่มชอบนายจะคิดว่านายเป็นคนที่หยิ่งจองหอง”
“มันขึ้นอยู่กับ “ทัศนคติหรือการรับรู้” ที่มีต่อตัวเราใช่มั้ยครับ”
“ใช่แล้ว ความเป็นอัจฉริยะของคนๆ หนึ่งอาจเป็นความโง่เขลาของคนอีกคนหนึ่ง มันขึ้นอยู่กับว่าคนอื่นวาดภาพนายไว้ในใจยังไง ดังนั้นจงเข้าถึงจินตนาการของคนอื่นและนายจะเข้าถึงหัวใจของพวกเขาได้ “กฎ 30 วินาที” เป็นกฎทางธุรกิจที่นายจะรู้สึกปลาบปลื้มมันได้ อาร์เธอร์ ถ้านายเป็นคนที่สามารถเชื่อมโยงเข้ากับคนอื่นได้อย่างเป็นธรรมชาติล่ะก็ กฎนี้จะรับใช้นายอย่างดีเสมอ”
“ขอบคุณครับ คุณพี คำพูดนี้มีความหมายสำหรับผมมาก โดยเฉพาะเมื่อมันมาจากปากของคุณ”
“ผู้เชี่ยวชาญบางคนประเมินว่า 20 เปอร์เซ็นต์ของความสำเร็จทางด้านการเงินของคุณนั้น มาจากทักษะพรสวรรค์ และความรุ้ของคุณ ขณะที่อีก 80 เปอร์เซ็นต์มาจากทักษะเกี่ยวกับ “คน” ของคุณ ความสามารถในการเชื่อมโยงเข้ากับคนอื่น และการได้รับความไว้วางใจรวมถึงความนับถือจากคนอื่น ไม่ว่าคุณกำลังสัมภาษณ์เพื่อให้ได้งาน กำลังพยาบบามขอขึ้นเงินเดือน หรือกำลังขายสินค้าหรือบริการ ยิ่งคุณสามารถเข้ากับคนอื่นได้มากเท่าไหร่คุณก็ยิ่งมีโอกาสได้รับในสิ่งที่คุณต้องการมากขึ้นเท่านั้น”
“ฟังดูมีเหตุผลครับ คุณพี ผมได้พบผู้คนมากมายที่บอกว่าพวกเขาฉลาด และพวกเขาอาจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่เพราะความหบาบคายหรือใจร้ายของพวกเขา ผมไม่มีความศรัทธาในสิ่งที่พวกเขาพูดสักเท่าไร ถึงกระนั้น ผมเคยพบคนอื่นๆ ที่ผมไม่สงสัยในความเชี่ยวชาญของพวกเขาแม้แต่น้อย ผมเชื่อว่าพวกเขามีบางอย่างท่มีคุณค่าที่จะบอกกับผม”
“เพราะนายชอบเขา ใช่มั้ย”
“ใช่ครับ เพราะผมชอบพวกเขา และไม่ว่าคนจะพูดยังไงก็ตามว่าอย่าสร้างความประทับใจในทันทีหรืออย่าตัดสินหนังสือด้วยปก แต่ผมคิดว่าคนเรามักจะทำเช่นนั้นตลอดเวลา”
“แน่นอน นายฉลาดพอที่จะเข้าใจมัน และอย่างที่ฉันพูด ฉันคิดว่านายเป็นผู้เชียวชาญในการทำให้คนอื่นชอบพอ และก่อนที่เราจะถึงบ้าน ฉันอยากจะเล่าตัวอย่างให้นายฟังอีกสักตัวอย่างว่าทำไมฉันจึงเชื่อว่า ใครก็ตามไม่ว่าจะมีพฤติกรรมหรือสถานการณ์ในอดีตของเขามีชีวิตเลวร้ายยังไง เขาก็ยังมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้”
“ผมตั้งใจฟังอย่างเต็มที่ครับ คุณพี”
“มีคนขายหนังสือพิมพ์คนหนึ่ง เขาเริ่มขายหนังสือพิมพ์ริมทางรถไฟในเมือง คาราคัส อาชีพขายหนังสือพิมพ์ในปรเทศเวเนซูเอล่า ไม่ใช่ตำแหน่งที่สวยหรู่หรือได้เงินก้อนงามเลย ถ้านายอยากจะค้นหาเรื่องของเขาในอินเทอร์เน็ตล่ะก็ ชายคนนี้มีชื่อสกุลว่า เด อาร์มัส
แต่เมื่อเร็ซๆ นี้เขาได้เงินมหาศาลจากการขายอาณาจักรสำนักพิมพ์ของเขาให้กับกลุ่มบริษัทสเปนเป็นเงินหลายร้อยล้านเหรียญ นายนึกภาพออกมั้ย อาร์เธอร์คนที่เป็นคนจนที่สุดในหมู่คนจน แล้วกลายเป็นคนที่รวยที่สุดในหมู่คนรวยด้วยกัน ขอพูดอีกครั้งนะ อาร์เธอร์เขาไม่ได้รีบกิน “มาร์ชมาลโลว์” เขาเก็บเงินที่ขายได้บางส่วน กระทั่งเมื่อมีเงินเพียงพอ เขาก็ซื้อแผงหนังสือพิมพ์แผงแรก และซื้ออีกแผงหนึ่ง หลังจากนั้นก็ซื้อแผงต่อๆ มา นี่แหละคือตัวอย่างของคนที่ประสบความสำเร็จได้แม้ว่าอดีตของเขาจะเคยย่ำแย่หรือตกต่ำมาก่อน”
“ขอบคุณครับ ผมขอแรงบันดาลใจจากคุณ และคุณก็ได้ให้แรงบันดาลใจแก่ผมมากมาย ขอบคุณมากครับ”
“ยิ่งกว่ายินดีเสียอีก อาร์เธอร์”
“คุณพีครับ ถ้าคุณไม่มีอะไรจะใช้ผมในอีก 2-3 ชั่วโมงข้างหน้า ผมขอตัวไปทำธุระในเมืองหน่อยนะครับ”
“ฉันไม่มีนัดหมายอะไร อาร์เธอร์ นายไปได้เลยตามสบาย แล้วเจอกันพรุ่งนี้เช้า”
อาร์เธอร์ส่งโจนาธาน เพเชี่ยน ลงจากรถและมุ่งไปยังธนาคาร เขาเปิดบัญชีออมทรัพย์และฝากเงิน 350 เหรียญที่เหลือจากเงินเดือน 2 เดือนสุดท้าย ยังเหลือเวลาอีก 2-3 วันก่อนเงินเดือนออก แต่ด้วยเงิน 50 เหรียญในกระเป๋า อาร์เธอร์แน่ใจว่าเขาจะไม่หมดตัวในช่วงสุดสัปดาห์
หลังจากนั้น เขาขับรถไปที่ห้องสมุดเพื่อไปรับหนังสือที่เจ้าหน้าที่เก็บไว้ให้ที่เคาร์เตอร์ หนังสือเล่มนั้นมีชื่อว่า How to Survive Among Piranhas How to Get What You Want with What You Have ใช่แล้ว อาร์เธอร์ ได้เรียนรู้จากคุณพีว่าเราต้องอ่านหนังสือที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจอยู่เสมอ ฟังเทปและดูวีดีโอที่เสริมสร้างแรงบันดาลใจ
ดังนั้นเขาจึงพร้อมที่จะอ่านหนังสือที่เสริมสร้างแรงบันดาลใจในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ในเมือ่วันนี้เป็นวันศุกร์อาร์ธอร์จะแวะดื่มสักหน่อย แค่หนึ่งแก้วเท่านั้น ถึงแม้คนอื่นจะเลี้ยงเครื่องดื่มให้ก็ตาม หลังจากนั้นกลับบ้านดูว่าคอมพิวเตอร์ของคุณพี ว่างพอที่จะให้เขาค้นคว้าขอ้มูลเกี่ยวกับการเรียนในวิทยาลัยและอาชีพเสริมอื่นๆ เพิ่มเติมหรือเปล่า
ขณะที่อาณ์เธอร์ไม่อยู่ โจนาธาน เพเชี่ยน ย้อนคิดถึงความสนใจในเรื่องคอมพวิตอร์ของคนขับรถของเขาและสิดสินใจว่าน่าจะเป็นเหตุผลที่ดีที่จะยกคอมพิวเตอร์กระเป๋าหิ้วเครื่องหนึ่งในหลายๆ เครื่องที่มีให้แก่อาร์เธอร์ทั่วทั้งบริเวณบ้านติดตั้งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไว้ ดังนั้นอาร์เธอร์สามารถใช้คอมพิวเตอร์เมื่อใดและที่ไหนก็ตามที่ต้องการ ถึงแม้จะเหนื่อยและรู้สึกเครียดจากการเดินทางแต่โจนาธานเลือกที่จะนำคอมพิวเตอร์กระเป๋าหิ้วไปให้อาร์เธอร์ด้วยตัวเองแทนที่จะมอบหมายให้ลูกน้องคนใดคนหนึ่งของเขาทำ
การเดินอาจช่วยให้เขาขจัดความเครียดที่เหลืออยู่จากการเดินทางไกล และถ้าเขาสามารถนำไปให้ด้วยตัวเองก่อนที่อาร์เธอรจะกลับมา คนขับรถของเขาก็จะมีของที่ทำให้ต้องประหลาดใจคอยอยู่
แต่โจนาธานกลับเป็นคนที่ต้องเป็นฝ่ายประหลาดใจเสียเองเมื่อเขาเข้าไปในบ้านหลังเล็ก และเห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่ง กระดานแบบลบได้ที่เต็มไปด้วยคำพูดที่เขาถ่ายทอดให้อาร์เธอร์เมื่อเร็วๆ นี้ ขนมมาร์ชมาลโลว์ 12 แถวๆ ล่ะ 10 ก้อนและยังมีอยู่กระจัดกระจาย เขานับคร่าวๆ ได้อีก 8 ก้อน โจนาธานคำนวณตัวเลขหัวของเขาอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าอาร์เธอร์ได้เพิ่มจำนวนขนมมาร์ชมาลโลว์ขึ้นเท่าตัวทุกวันเป็นเวลา 7 วัน ถ้าเขายังคนทำอย่างนี้ โจนาธานครุ่นคิด บ้านของเอาเธอร์ก็จะท่าวมท้นไปด้วยขนมมาร์ชมาลโลว์ในไม่ช้า

โจนาธานยิ้มกว้างและเดินออกจากบ้านโดยที่ไม่ได้แตะต้องอะไรเขานำคอมพิวเตอร์กระเป๋าหิ้วของเขากลับไปด้วยและให้ลูกน้องคนใดคนหนึ่งของเขา สามารถนำคอมพิวเตอร์มาให้อาร์เธอร์ในภายหลังหรือในวันพรุ่งนี้เขาไม่ต้องการให้อาร์เธอร์รู้สึกอายที่รู้ว่าเขาเห็นอะไรไปบ้าง



ผลตอนแทนล้ำค่ำจากการฝึกห้ามใจตัวเอง ตามทฤษฎี “มาร์ชมาลโลว์”

ความสำเร็จส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับว่าคุณเชื่อมโยงตัวเองให้เข้ากับคนอื่นได้ดีแค่ไหน”

หนึ่งอาทิตย์ต่อมา อาร์เธอกำลังทำธุระอย่างใหม่ในเมือง นั่นคือนำขนมมาร์ชมาลโลว์ไปคืนตามร้านขายของชำหลายแห่ง
เนื่องจากการทดลองสะสมขนมมาร์ชมาลโลว์ที่บ้านของเขาได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องขากที่จะจัดการและมีราคาแพง เพราะหลังจากผ่านไป 40 วันเขามีขนมมาร์มาลโลว์เกือบ 8.200 ก้อนในห้อง โชคดีที่ยังไม่เปิดถุงเมื่อกลางอาทิขย์และสามารถนำถุงมาร์ชมาลโลว์กลับคืนร้านขายของชำได้มากกว่า 100 ถุงจากทั้งหมด 125 ถุง
ถึงเขาจะรู้สึกเป็นกระกระทำที่ดูเซ่อๆซ่าๆ ที่ต้องเดินจากร้านขายของชำร้านหนึ่งไปยังอีกร้านหนึ่งโดยมีสายตาแปลกๆ จากเจ้าของร้าน อีกทั้งได้รับคำบ่นว่าจากคนเก็บเงิน แต่เขายังคงรู้สึกภูมิใจในตัวเองว่า
- เขาอดใจไม่ได้กินขนมมาร์ชมาลโลว์แม้แต่ก้อนเดียว
- การทดลองเป็นเวลา 14 วันของเขาไม่ได้ล้มเหลว
- เขาใช้เงินจำนวน 255 เหรียญในการซื้อขนมมาร์มาลโลว์ แต่จากการที่ไม่ได้เปิดถุงและยังคงเก็บใบเสร็จรับเงินไว้ ทำให้ได้เงินคืนมากกว่า 200 เหรียญ เขาจึงนำเงิน 200 เหรียญที่ได้กลับคืนมาไปฝากไว้ในบัญชีออมทรัยพ์ ซึ่งเป็ฯการฝากครั้งที่ 3 ในรอบ 7 วัน
อาร์เธอร์ยังคงยืนหยัดที่จะเพิ่มขนมมาร์ชมาลโลว์ขึ้นเท่าตัวทุกวันเป็นเวลา 30 วันและขอบคุณสำหรับคอมพวิเตอร์ที่คุณพีให้ยืม เขาพบวิธีการที่ไม่เทอะทะ(และถูกกว่า) ในการทดสองมันให้สำเร็จ ด้วยการใส่รูปมาร์ชมาลโลว์ 1 ก้อนเข้าไปในเอกสารและใช้วิธีการตัดแปะเขาสามารถเห็นภาพจำนวนที่เพิ่มขึ้นของขนมมาร์ชมาลโลว์ได้ภายในจอคอมพิวเตอร์ และเพื่อบันทึกจำนวนที่เพิ่มขึ้นของขนมมาร์ชมาลโลว์ เขาได้ทำตารางดังนี้
วันที่1 1 ก้อน
วันที่2 2 ก้อน
วันที่3 4 ก้อน
วันที่4 8 ก้อน
วันที่5 16 ก้อน
วันที่6 32 ก้อน
วันที่7 64 ก้อน
วันที่8 128 ก้อน
วันที่9 256 ก้อน
วันที่10 512 ก้อน
วันที่11 1,024 ก้อน
วันที่12 2,048 ก้อน
วันที่13 4,096 ก้อน
วันที่14 8,192 ก้อน
วันที่15 16,384 ก้อน
วันที่16 32,768 ก้อน
วันที่ 17 65,536 ก้อน
วันที่18 131,072 ก้อน
วันที่19 262,144 กอ้น
วันที่20 524,288 ก้อน
วันที่21 1,048,576 ก้อน
วันที่22 2,097,152 ก้อ้น
วันที่ 23 4,194,304 ก้อน
วันที่24 8,388,608 ก้อน
วันที่25 16,777,216 ก้อน
วันที่26 33,554,432 ก้อน
วันที่27 67,108,864 ก้อน
วันที่28 134,217,728 ก้อน
วันที่29 268,435,456 ก้อน
วันที่ 30 536,870,912 ก้อน
อาร์เธอเริ่มแยกแยะผู้คนที่เข้ามาในขีวิตของเขาว่าเป็น พวกที่ไม่สามารถห้ามใจตัวเองรีบกิน “มาร์ชมาลโลว์กับพวกห้ามใจตัวเองได้ ไม่รีบกิน “มาร์ชมาลโลว์” กรอบความคิดใหม่นี้ให้ความกระจ่างแก่เขา จากการที่อาร์เธอร์พบว่าเพื่อนเก่าของเขามีตั้งแต่คนที่เป็นพวกรีบกิน “มาร์ชมาลโลว์” ไปจนถึงคนที่ไม่รีบกิน “มาร์ชมาลโลว์” ซึ่งทำให้เขาเข้าใจความคิดหรือหลักการนี้มากขึ้น
ตัวอย่างเช่น เพื่อนของเขาที่ซื้อ พอร์ฟิริโอ ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าเป็ฯที่คลั่งไคล้ของสาวๆ เขามักจะมี “มาร์ชมาลโลว์”ก้อนใหม่ในอ้อมแขนทุกอาทิตย์ อาร์เธอร์ มักจะอิจฉา “ใบจดคะแนน” ของพอร์ฟิริโอเสมอ ไม่มีใครสามารถชวนผู้หญิงเข้าบ้านได้มากเท่ากับพอร์ฟิริโอ แต่ตอนนี้ ถ้าให้อาร์เธอร์เลือก เขาเลือกที่จะมีแฟนที่วิเศษสักคนมากกว่าคู่นอนชั่วคราวจำนวนหนึ่งโหล
แต่ถ้าอาร์เธอร์ไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการนัดเที่ยวของเขา เขาจะหาแฟนดีๆ สักคนได้ยังไง การที่เขาชอบนัดเที่ยวกับผุ้หญิงหลายคนในเวลาเดียวกันทำให้เขาไม่มีเวลาในการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับผู้หญิงที่ดีที่สุดคนเดียว เพราะเมื่อคุณกิน “มาร์ชมาลโลว์” เข้าไปแล้ว คุณก็ไม่เหลือ “มาร์ชมาลโลว์” ให้เก็บไว้
เขานึกถึงเพื่นออีกคนหนึ่งของเขาที่ชื่อ นิโคลัสบรรดาผุ้หญิงหลงใหลและชื่อชมนิโคลัสมาก พวกเธอชวนเขานัดเที่ยวตลอดเวลา แต่เขามักจะปฎิเสธ อาร์เธอร์เคยคิดว่าเขาเสียสติ แต่ตอนนี้น่ะหรือ นิโคลัส ดูเป็นคนที่โชคดดี เขากำลังมีความรักกับผู้หญิงที่อาร์เธอร์เป็นคนแนะนำให้รู้จัก ผู้หญิงคนนี้เป็นคนฉลาด มีอารมณ์ขันและสวยเก๋ เหตุผลที่อาร์เธอร์แนะนำเธอให้นิโคลัสรู้จักก็คือ หลังจากอาร์เธอร์ นัดเที่ยวกับผุ้หญิงคนนี้ 2-3 ครั้ง อาร์เธอร์ก็ไม่สามารถห้ามใจตัวเองไม่ให้กิน “มาร์ชมาลโลว์” ก้อนต่อไปที่เขาพบได้
อาร์เธอร์ยังนึกถึงกลุ่มเพื่อนเล่นโป๊กเกอร์ของเขาแม้กระทั้งในการเล่นไฟ่ มันเป็ฯไปได้ที่จะห้ามใจตัวเองไม่ให้กิน “มาร์ชมาลโลว์” อีริค เป็นคนที่ชอบพนันในทุกๆ เกมถึงแม้เขาไม่มีโอกาสชนะและพยายามบีบให้ผุ้เนคนอื่นออกจากเกมก่อนที่จะมีโอกาสชนะเขา ในขณะที่การิมเป็นคนที่มักจะเผยไฟ่ตั้งแต่การแจกไฟ่ครั้งแรก แต่เมื่อเขาได้ไฟ่ดี เขาไม่เคยพยายามที่จบการแข่งขันเพื่อให้ได้ชัยชนะอย่างง่ายๆ แต่จะกระตุ้นให้ทุกคนพนันต่อจนกระทั่งมีเงินก้อนโตอยู่ตรงกลาง หลังจากนั้นจึงวางไพ่ลงแล้วก็ชนะในที่สุด การิมไม่ได้ชนะในเกมบ่อยครั้งเท่ากับผู้เล่นคนอื่นในวงโป๊กเกอร์ แต่เขาชนะพร้อมด้วยเงินก้อนใหญ่ที่สุด อาร์เธอร์เคยคิดว่าการิมเป็นนักเล่นโป๊กเกอร์ที่น่าเบื่อ แต่ไม่มีอะไรน่าเบื่อหากผุ้เล่นเป็นผุ้ชนะแล้วได้เงินก้อนโต บางทีอาร์เธอร์สามารถเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างจากการิมได้
วิธีการของการิมคื อดใจคอยแจ็คพ็อตที่ใหญ่กว่าเช่นเดียวกับที่คุณพีอดใจคอยลูกค้ารายใหญ่กว่าและการขายที่มากกว่า ถ้าอาร์เธอร์สามารถหาหนทางที่จะนำทฤษฎีห้ามใจไม่กิน “มาร์ชมาลโลว์ ไปใช้ในชีวิตการงานและชีวิตส่วนตัวได้ ก็ถือว่าเขาประสบความสำเร็จในการนำทฤษฎี “มาร์ชมาลโลว์” ไปใช้ แล้วเขาจะสามารถหาหนทางนำมันไปใช้ได้หรือไม่
จนถึงขณะนี้ อาร์เธอณ์เก็บเงินได้เกือน 1 ใน 3 ของเงินเดือนโดยการกินอาหารที่บ้านและใช้เงินน้อยลงกับเครื่องดื่มและการพนัน เขาสามารถทำอะไรอย่างอื่นได้อีกและอะไรล่ะที่เขาเต็มใจจะทำในวันนี้ เพื่อจะประสบความสำเร็จในวันพรุ่งนี้
อาร์เธอร์ขับรถกลับบ้นและเริ่มคิดถึงสิ่งที่จะทำในใจ...
สิ่งที่ฉันเต็มใจทำเพื่อให้ตัวเองประสบความสำเร็จ
- ใช้เงินน้อยลง ใช่แล้ว ลดรายจ่ายด้านความบันเทิงลง
- เก็บเงินมากขึ้น ใช่แล้ว เป้าหมายคือ 200 เหรียญต่ออาทิตย์
- หารายได้เพิ่มขึ้น ใช่แล้ว แต่จะทำยังไงล่ะ
เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้นเมื่อถึงบ้าน งานขับรถทำให้เขามีเวลาว่างมาก แต่มันก็ทำให้ต้องทำตัวให้ว่างสำหรับคุณพีตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ดังนั้นเขานึงไม่สามารถทำงานอย่างอื่นได้ อย่างเช่น ถ้าคุณพีโทรศัพท์เข้ามือถือในขณะที่เขากำลังส่งพิซซ่า จะทำให้เขาจำเป็นต้องทิ้งพิซซ่าของลูกค้าทันที่ แต่มันต้องมีวิธีอย่างอื่นสิเขาจะหาข้อมูลเพิ่มในเรื่องนี้ ขณะเดียวกัน ยังมีวิธีการใดบ้างที่จะทำให้เขาเพิ่มรายได้ได้
อาร์เธอร์ถอนหายใจ เขาเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าและดึงเอาการ์ดเบสบอลที่เก็บสะสมไว้ออกมาก เขารักการ์ดเหล่านี้เขาเป็นนักสะสมอย่างเอาจริงเอาจังมาประมาณ 10 ปีการ์บางใบของเขามีมูลค่าหลายร้อยเหรียญ หรืออาจะหลายพนัเหรียญในตอนนี้ เขายอมทำใจขายมันมั้ย มันคุ้มมั้ยที่จะขายในไป ความลังเลของเขาเป็นเรื่องของอารมณ์หรือเรื่องการเงินกันแน่ แล้วเขายังมีเรื่ออื่นๆ ที่ต้องนึกถึงอีก
จนกระทั่งถึงตอนนี้ อาร์เธอร์ยังไม่ประทันใจกับรายการของเขามากนัก บางที่เขาจำเป็นต้องใช้วิธีการอื่นบาง ที่ถ้าเขากำหนดเป้าหมายของเขาเสียก่อน วิธีการที่จะบรรลุถึงมันก็จะตามมา 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาเขาได้ตัดสินใจให้อะไรเป็นความสำคัญลำดับแรก ตั้งแต่เรื่องสิ่งที่เขากำลังศึกษาอยู่ในอินเทอร์เน็ต การยืมหนังสือจากห้องสมุดและเก็บมันไว้กับตัวเองอย่างนั้นหรือ
เป้าหมายลำดับแรก เข้าเรียนในมหาวิทยาลับ
อาร์เธอร์รู้ด่าการเรียนในวิทยาลัยเป็นสิ่งที่จำเป็นถ้าเขาอยากจะประสบความสำเร็จในด้านใดก็ตามที่สนใจดังนั้นเขาเต็มใจจะต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ล่ะ ใช้เงินน้อยลงและเก็บเงินมากขึ้น ใช่แล้ว และเขาจะค้นหาวิธีการอื่นในการหาเงิน มีรายได้เพิ่มขึ้นและขายของที่ไม่จำเป็นต้องใช้ออกไป
แต่เงินไม่ได้เป็นปัจจัยเดียวที่เขาต้องการเพื่อเข้าเรียนในวิทยาลัย วิทยาลัยต่างหากที่จะต้องรับเขาเข้าเรียนเสียก่อน ดังนั้นเขาจึงเขียนคำถามลงไปใหม่
ฉันต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้วิทยาลยรับฉันเข้าเรียน
- ศึกษาการทดสอบความรู้ 10 ชั่วโมงต่ออาทิตย์
อาร์เธอร์พบตัวอย่างข้อสอบจากอินเทอร์เน็๖และได้หนังสือจากห้องสมุด เพื่อใช้ในการศึกษาเรียนรู้เขาจะต้องจัดตารางการดูหนังสือและทำแบบทดสอบอย่างน้อย 2 ชั่วโมงต่อวัน
- เริ่มกรอกใบสมัคร
อาร์เธอร์รู้สึกประหลาดใจที่เขาสามารถกรอกใบสมัครได้ทางอินเทอร์เน็ต รวมถึงการเขียนเรียงความเพื่อเข้าเรียนในวิทยาลัย เขาสามารถทำสิ่งนี้ให้เสร็จเรียบร้อยก่อนที่จะสอบเพื่อลดความเสี่ยงจากการพลาดวันปิดรับสมัคร
- นัดวันสัมภาษณ์กับวิทยาลัยที่สนใจ
คุณพีพูดว่าอะไรนะเกี่ยวกับเรื่องของความำสเร็จเขาพูดว่า ความสำเร็จส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับว่าคุณเชื่อมโยงตัวเองให้เข้ากับคนอื่นได้ดีแค่ไหนอาร์เธอร์จึงติดต่อกับคณะกรรมการทบทวนใบสมัครตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาสังเกตุเห็นใบสมัครเข้าเรียนของเขา เนื่องจากในฐานะที่เขาเป็นคนขับรถอายุ 28 ปี มีประวัติการเรียนที่ไม่โดดเด่น เขาจำเป็นต้องมีความได้เปรียบในการแข่งขันกับเด็กมัธยมปลายที่มีผลการเรียนที่น่าประทับใจกว่า
- ขอให้คุณพี เขียนจดหมายรับรองให้
อาร์เธอเพิ่มข้อนี้ลงไป แล้วเขาก็ขีดฆ่าออกเสีย นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขายินดีจะทำในตอนนี้ อาจรอภายหลังเอสามารถพิสูจน์ให้นายจ้างของเขาเห็นว่าเขาเอาจริง และได้เห็นว่าตัวเขาได้บรรลุความมุ่งมั่นบางอย่างแล้ว
- ให้เกียติตัวเองที่ได้ลุกขึ้นท้าทายพฤติกรรมเดิมที่รีบกิน “มาร์ชมาลโลว” เสียใหม่
บางทีข้อนี้อาจดูเหลวไหล แต่อาร์เธอร์ตัดสินใจที่จะเก็บมันไว้ในรายการของเขา คุณพีเพิ่งแนะนำให้เขารู้จักหลักการแนวคิด ทฤษฎี “มาร์ชมาลโลว” เมื่อ3 อาทิตย์ที่แล้ว และก็ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาอย่างเห็นได้ชัดอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วเขาตำหนิตัวเองอย่างรุนแนงในเรื่องความสั้นของรายการ “เต็มใจที่จะทำ” ของเขา เขารู้สึกผิดหวังที่ตัวเองไม่สามารถยืนหยัดที่จะขายการ์ดเบสบอลที่เก็บสะสมไว้ได้แต่การรักษาความคิดในทางบวก จะช่วยให้เขามุ่งความสนใจไปที่เป้าหมายได้
และในตอนท้ายเขาเขียนว่า “อีก 3 วัน ฉันจะมีขนมมาร์ชมาลโลว์ ล้านก้อน”
“จุดมุ่งหมาย +ความปรารถนาอย่างแรงกล้า+การกระทำ=ความสงบสุขในจิตใจ”



เมื่อมีจุดมุ่งหมายและความปรารถนา ก็จะทำให้ได้รับความสงบสุขในจิตใจ

“เมื่อคนเรามีเป้าหมายและรู้สึกตื่นเต้นที่จะบรรลุจุดมุ่งหมายอีกทั้งทำทุกสิ่งทุกอย่างเพ่อจะไปให้ถึงเป้าหมาย ผลก็คือความสงบ”
“เอาล่ะ อาร์เธอร์”
เป็นเวลา 3-4 อาทิตย์แล้วตั้งแต่เราเริ่มคุยกันเกี่ยวกับ การทดลองเรื่อง “มาร์ชมาลโลว์” มันมีผลกระทบต่อชีวิตนายบ้างหรือเปล่า”
“มันมีผลกระทบต่อชีวิตของผมในหลายด้านมากกว่าที่คุณจะเชื่ออีกครับ คุณพี” อาร์เธอพูดขณะที่เขาขับรถไปทางทิศใต้มุ่งสู่ตัวเมือง “ความจริงผมสามารถบอกคุณได้ว่า กี่วันแลล้วที่คุณเปรียบเทียบ บิ๊ค แม็ค ของผมกับ ขนมมาร์ชมาลโลว์ 29 วันครับ”
“นายจำได้อย่างแม่นยำขนดนี้ได้ยังไง อาร์เธอร์”
“เพราะวันที่คุณแนะนำให้ผมรู้จักกับ ทฤษฎี “มาร์ชมาลโลว์” คุณยังได้บอกผมเกี่ยวกับเงินที่เพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็นเวลา 30 วัน ว่าคุณสามารถมีเงินมากกว่า 500 ล้านเหรียญได้ยังไง ผมคิดว่ามันสนุกดีที่จะเพิ่มขนม “มาร์ชมาลโลว์” เท่าตัวทุกวัน และในวันพรุ่งนี้ วันที่ 30 ผมจะมีขนมมาร์ชมาลโลว์ ถึง 530,870,912 ก้อนและถ้าผมเพิ่มมันขึ้นอีกเท่าตัวแค่ครั้งเดียว ผมจะมีขนมมาร์ชมาลโลว์มากกว่า 1,000 ล้านก้อน”
“อาร์เฮร์ อย่าบอกฉันนะว่านายมีขนมมาร์ชมาลโลว์ 500 ล้านก้อนอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ นะ”
“เปล่าครับ คุณพี มันใส่เข้าไปในบ้านได้ไม่หมดหรอกครับ ผมคำนวณดูแล้วว่าจำเป็นต้องมีที่กว้าง 40 ยาว 40 สูง 20 ฟุต เพื่อใส่ขนมมาร์ชมาลโลว์จำนวนมากขนาดนั้นเข้าไป อย่าตกใจครัรบคุณพี ผมเลิกใช้ขนมมาร์ชมาลโลว์จริงๆ มา 2 อาทิตย์แล้วครับ เพราะมันต้องใช้เงินเยอะ ตอนนี้ผมเพิ่มจำนวนมันด้วยรูปจากคอมพิวเตอร์ที่คุณให้ผมยืม
“ฉันยกให้นาย อาร์เธอร์ นายเก็บมันไว้ได้เลย”
“ขอบคุณครับ คุณพี”
“ด้วยความยินดี อาร์เธอร์ ฉันเห็ฯว่า สำหรับนายแล้ว การลงทุนกับคอมพิวเตอร์เป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดดูเหมือนนายจะพบวิธีใช้มันช่วยสร้างความคิดใหม่ๆ หรือสร้างจินตนาการที่ดีได้”
“คุณจะต้องประหลาดใจครับ คุณพี ผมยกเลิกนัดอาทิตย์ที่แล้วเพราะผมกำลังเจรจาธุรกิจซื้อขายการ์ดเบสบอลของผมในอินเทอร์เน็ต”
“นายยกเลิกนัดเพื่อแลกเปลี่ยนเบสบอลการ์ดงั้นรี
“ไม่ใช่การแลกเปลี่ยนครับ แต่มันคือการขาย ผมทำเงินมากกว่า 3,000 เหรียญโดยการโน้มน้าวคนซื้อให้ซื้อการ์ด 5 ใบแทนที่จะซื้อ แค่ 1 ใบ เพราะถ้าผมขายการ์ดที่สะสมทั้งหมดให้กับพ่อค้าคนกลางในครั้เดียว ผมจะได้เงินน้อยกว่า 2,000 เหรียญ”
“นายไม่ได้รีบกิน “มาร์ชมาลโลว์” ขอแสดงความยินดี อาร์เธอร์ นายต้องมีการ์ดสะสมที่มีราคาแน่ๆ”
“ผมวางแผนที่จะได้เงินอย่างน้อย 10,000 เหรียญจากการขายการ์ดทีละน้อย ผมตั้งราคาโดยดูข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตและโดยการนำการ์ดไปสอบถามราคาจากพ่อค้าคนกลาง”
“ขอแสดงความยินดีอีกครั้งหนึ่ง แรงจูงใจในการขายการ์ดสะสมของนายคืออะไร ฉันหวังว่านายไม่ได้มีปัญหาทางการเงินใช่มั้ย”
“ไม่ครับ ในทางตรงกันข้าม ผมกำลังเก็บเงินอยู่ครับ คุณพี แต่ตอนนี้ผมยังไม่อยากบอกคุณว่าทำไม”
“อาร์เธอร์ แต่ฉันขอเตือนอะไรนายอย่างนึงนะ”
“ได้เลยครับ”
“ฉันต้องการให้นายรู้ว่าฉันขอปรมมือให้กับความมุ่งมั่นทะเยอทะยานและแรงจูงใจของนาย และฉันแน่ใจว่านายจะประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจทุกอย่าง”
“แล้วส่วนที่ไม่ดีล่ะครับ คุณพี”
“ไม่มีส่วนใดที่ไม่ดีหรอก อาร์เธอ ฉันแค่ต้องการให้นายรู้ว่า ทุกๆ คน รวมทั้งตัวฉังเองด้วย บางครั้งก็รีบกิน “มาร์ชมาลโลว์” และฉันไม่ต้องการให้นายเข้ามงวดกับตัวเองจนเกินไป ถ้านายรีบกิน “มาร์ชมาลโลว” บางครั้ง บางทีเมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง “นายอาจจะเบื่อที่จะขายการ์ดที่ละใบ และนายขายการ์ดที่เหลือไปในครั้งเดียวโดยได้เงินเพียงไม่กี่ร้อยเหรียญ บางที่นายอาจได้เงิน 5,000 เหรียญแทนที่จะเป็นเงิน 10,000 เหรียญตามที่วางแผนไว้ เมื่อถึงจุดนั้น มันง่ายที่นายจะโกรธตัวเองที่สุญเสียกำไรที่น่าจะได้อีก 5,000 เหรียญนายจำเป็นต้งอพุ่งความสนใจไปที่ความสำเร็จ ถ้านายทำเงินได้ 5,000 เหรียญมันก็ยังเป็นจำนวนเงินที่มากกว่าที่ขายมันให้กับพ่อค้าคนกลางในครั้งเดียวถึง 3,000 เหรียญและมากกว่าที่จะเก็บไว้ในตู้เฉยๆ ถึง 5,000 เหรียญ
“ขอบคุณครับ ผมทราบว่าคุณหมายความว่าอะไรผมต้องเขียนข้อความถึงตัวเองว่า “ให้เกียรติตัวเอง” เวลาที่ผมรู้สึกหมดกำลังใจ แต่สิ่งที่ตลกก็คือว่า ยิ่งมุ่งความสนใจไปที่เป้าหมายและตื่นเต้รนกับมันมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรู้สึกเครียดน้อยลงที่ต้องบรรลุถึงมัน ทุกครั้งที่ผมชะลอความพึงพอใจของผมและบรรลุบางอย่างที่จะนำผมไปสู้เป้าหมาย ผมก็ยิ่งมีความมั่นใจในความสามารถของผมที่จะสามารถทำต่อไปได้ ฟังดูมีเหตุผลมั้ยครับ”
“ใช่ มันฟังดูมีเหตุผล อาร์เธอร์ และในเมื่อนายพูดงถึงสูตรทางคณิตศาสตร์เมื่อไม่กี่นาทีมานี้ ฉันมีสูตรหนึ่งที่นายสามารถนำไปใช้ได้”
“มันคือสูตรอะไรครับ คุณพี”
“จุดมุ่งหมาย + ความปรารถนาอย่างแรงกล้า = ความสงบสุขในจิตใจ”

“ผมชอบมันครับ คุณพี เมื่อคนเรามีเป้าหมายและรู้สึกตื่นเต้นที่จะบรรลุถึงมัน อีกทั้งทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อจะไปให้ถึงเป้าหมาย ผลก็คือควาสงบ เมื่อไม่กี่อาทิตย์มานี้ ในหัวของผมเต็มไปด้วยคำถามว่าผมจะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้หรือไม่ จำได้มั้ยครับว่าผมถามคุณว่าความสามารถที่จะประสบความสำเร็จได้มีการกำหนดไว้ตั้งแต่อายุ 4 ขวบ ซึ่งเป็นอายุของคุณเมื่อคุณเข้าร่วมการทดลอง ทฤษฎี มาร์ชมาลโลว์ หรือเปล่า ตอนนี้ผมมีเป้าหมายและผมได้ลงมือทำสิ่งที่ทำให้ผมไปถึงเป้าหมายนั้น ผมไม่ติดอยู่กับคำว่า “ถ้า” ผมมุ่งความสนใจไปที่ “อย่างไร และเมื่อใด
“เป็นประเด็นที่ดี อาร์เธอร์ บางทีเราสามารถดัดแปลงสูตรใหม่ว่า
จุดมุ่งหมาย + ความปรารถนาอย่างแรงกล้า + การกระทำ = ความสงบสุขในจิตใจ
“แน่นอนว่า “การลงมือทำ” คือ่สิ่งที่ทำให้เกิดความแตกต่างขึ้นในชีวิต ผมคิดว่าตราบใดที่คุณยังคงก้าวไปข้างหน้า ถึงแม้จะเป็นก้าวเล็กๆ คุณก็ได้ความสงบสุขในจิตใจเป็นรางวัล ผมเริ่มเขียนคำถามที่คุณถามผมว่า ผมเต็มใจทำอะไรในวันนี้เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในวันพรุ่งนี้ ทุกครั้งที่ผมเพิ่มคำตอบเข้าไป ผมรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย ทุกครั้งผที่ผมลงมือทำตามคำตอบผมรุ้สึคกดีขึ้นเยอะ ทุกครั้งที่ผมห้ามใจไม่กิน “มาร์ชมาลโลว์” เช่นเมือ่วานที่ผมขับรถผ่านสัญลักษณ์รูปโค้งสีทองโดยที่ไมและเข้าไปซื้อ และอดใจเพื่อสิ่งที่ดีกว่าเช่น แซนวิสเนื้อ มันรุ้สึกเหมือนกับได้รับสารเอนดอร์ฟินเข้าไปเลยครับ”
“ฉันไม่สามารถบอกนายได้ว่าฉันรุ้สึกพอใจมากแค่ไหนที่ได้ยินสิ่งที่นายบอก อาร์เธอร์ สิ่งที่เริ่มต้นจากคำไหนที่ได้ยินสิ่งที่นายบอก อาร์เธอร์ สิ่งที่เริ่มต้นจากคำวิจารณ์ที่แสดงความหงุดหงิดผิดหวังของฉันเกี่ยวกับเรื่องที่นายกินบิ๊ก แม็ค เมื่อเดือนที่แล้ว ดูเหมือนทำให้เกิดความเปลี่ยแปลงอย่างน่าทึ่งในตัวนาย นายแน่ใจนะว่านายยังไม่พร้อมที่จะบอกฉันว่าความลับ “มาร์ชมาลโลว์” ก้อนโตของนายคืออะไร และแผนการ์นายคืออะไรบ้าง”

“ยังครับ คุณพี แต่ผมสัญญาว่านอกจากผมแล้ว คุณจะทราบเป็นคนแรก ผมจะบอกคุณให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”



ถึงเวลาเริ่มต้นชีวิตที่ดีแล้ว

“คุณพี ไม่มีอะไรมากไปกว่าความจริงที่ว่า มันเป็นเพราะคุณปฎิบัติต่อผมเป็นอย่างดีและสอนผมมามากจนกระทั่งผมพบความมุ่งมั่นที่จะเรียนต่อในวิทยาลัย คุณพีครับ วิทยาลัยฟลอริด้า อินเตอร์เนชั่นแนล ตอบรับผมเข้าเรียนเรียบร้อยแล้ว”

อาร์เธอร์นั่งอยู่ในรถทาวน์คาร์ ซึ่งจอดอยุ่ข้างตึกสูงอันเป็นที่ตั้งของสำนักงาน อี-เอ็กซืเพิร์ด พับลิชชิ่ง
เข้าพยายามรวบรวมความกล้าที่จะเข้าไปข้างในตึก คิ้วของเขาชื้นไปด้วยเหงื่อ มือสั่นเทาและปากแห้งผาก
อาร์เธอร์สัญญาว่าจะบอกคุณพี เป็นคนแรกถึงแผนการของเขา และเขาตั้งใจจะรักาสัญญา เขาไม่สามารถคอยได้นานกว่านี้ “แผนการ” ของเขาเริ่มเมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมานี้เอง เขาแทบไม่เชื่อว่าคุณพีได้เล่า ทฤษฎี “มาร์ชมาลโลว์” ให้ฟังมา 8 เดือนแล้ว และมันได้เปลี่ยนแปลงชีวิตรวมทั้งวิธีคิดของเขา และแทบไม่เชื่อด้วยว่าเขากลัวที่จะเผชิญหน้าคุณพีถึงขนาดนี้ เขาไม่เคยรู้สึกกังวลใจเท่านี้นับตั้งแต่ขอแผนสาวเต้นตำ สมัยอยุ่เรกด 8 ในบรรดางานที่ต้องทำทั้งหมดที่อยู่ในรายการ “สิ่งที่เต็มใจทำในวันนี้ เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในวันพรุ่งนี้ไ งานที่ต้องทำในตอนนี้เป็นงานที่ยากที่สุดและเขาผัดผ่อนที่จะทำมันมากที่สุด
แต่ด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำ อาร์เธอร์ก้าวออกจากรถยนต์และล๊อครถ จากนั้นเดินตรงไปที่ลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังชั้นที่ 68 เขารู้จักพนักงาน อี-เอ็กซ์เพิร์ด อย่างผิวเผินบางคร้งคุณพีขอให้นำเอกสารจากสำนักงานไปยังบ้าน เขารุ้สึกขอบคุณที่พนักงานต้อนรับทักอย่างอบอุ่นและโบกมือให้เข้าไปในน้หองทำงานของโจนาธาน เพเชี่ยน โดยไม่ได้ถามอะไร
“คุณพีครับ คุณพอมีเวลาสัก 1 นาทีมั้ยครับ”
“แน่นอน อาร์เธอร์ เข้ามาข้างในสิ มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า”
“ใช่และไม่ใช่ครับ คุณพี ผมมาที่นี้เพื่อนำหมวกคนขับรถมาคืนให้คุณ ผมมาแจ้งคุณอย่างเป็นทางการว่าผมจะออกจากงานสิ้นเดือนนี้ ผมยินดีที่จะช่วยฝึกคนที่มาแทน และทำอย่างอื่นที่สามารถทำได้เพื่อให้การส่งมอบงานเป็นไปอย่างราบรื่น และ....”
“นายไม่มีความสุขที่ทำงานกับฉันหรืออาร์เธอร์ แนไม่ได้ปฎิบัติต่อนายอย่างเหมาะสม และไม่ได้ให้เกียรตินายอย่างเพียงพอหรือเปล่า”
“โอ๊ะ ไม่ใช่ครับ คุณพี ไม่มีอะไรมากไปกว่าความจริงที่ว่า มันเป็นเพราะคุณปฎิบัติต่อผมเป็นอย่างดีและสอนผมมามากจนกระทั่งผมพบความมุ่งมั่นที่จะเรียนต่อในวิทยาลัย คุณพีครับ วิทยาลัยฟลอริด้า อินเตอร์เนชั่นแนล ตอบรับผมเข้าเรียนแล้วครับ”
“นั่นเป็นโรงเรียนที่ดีเยี่ยม อาร์เธอร์ ฉันรุ้สึกประทับใจและดีใจกับนาย นายสามารถรับมือกับค่าใช้จ่ายและทุกสิ่งทุกอย่างได้หรือเปล่าล่ะ”
“มันไม่ใช่เรื่องง่ายครับ คุณพี แต่ภายใน 8 เดือนนับตั้งแต่คุณสอนผมเกี่ยวกับหลักการซึ่งพูดถึงการชะลอความพึงพอใจ เกี่ยวกับการไม่รีบกิน “มาร์ชมาลโลว์” ทุกก้อนที่อยู่ตรงหน้า ผมได้เก็บมากกว่า 15,000 เหรียญดอลล่าร์จากเงินเดือนและการขายการ์ดเบสบอลที่สะสมไว้รวมถึงจากธุรกิจเล็กๆ ที่ผมตั้งขึ้นมา”
“ธุรกิจอะไรหรืออาร์เธอร์ ธุรกิจแบบไหนกัน”
“หลังจากผมขายการ์ดเบสบอลที่ผมสะสมไว้ ผมก็เริ่มคิด.. ผมไม่ได้สนใจมากนักว่าผมีการ์ดอยู่กับตัวหรือไม่ ผมแค่ชอบความรู้สึกของการเก็บสะสมและการทำแต้มได้มาก ผมมองหาทางที่จะสละการ์โดยที่ไม่ต้องเสียสละความสุขที่มันให้ผม และผมก็ค้นพบทางที่ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย”
“ทำยังไง... อาร์เธอร์”
“ผมได้เป็นนายหน้าซื้อขายให้กับนักสะสมการ์ดเบสบอลอาชีพแล้ว พวกเขาตั้งราคาการ์ดที่ต้องการขายถ้าผมสามารถหาผู้ซื้อที่เต็ใจจ่ายเงินภายใน 85 เปอร์เซ็นต์ของราคาที่ตั้งไว้ได้ ผมจะเก็บค่าธรรมเนียมเล็กน้อย แต่ถ้าผมสามารถขายได้ในราคาสูงกว่านั้น ผมก็จะเก็บเงินส่วนเกินจากนั้นทั้งหมด รายได้ที่แท้จริงของผมมาจากตรงนี้ ลูกค้ามีความสุขเพราะเขาได้ในราคาที่เขาต้งอการ ผมก็มีความสุขเมื่อผมสามารถเจรจรต่อรองการขายครั้งใหญ่ได้ มันอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ผมร่ำรวยหรอกครับ แต่มันจะช่วยจ่ายค่าหนังสือและค่าบิ๊กแม็ค เมื่อไมม่มีอาหารที่เอสเพอรันซ่าทำไว้ให้ ผมคงต้องกลับไปกินมันอีกครั้งหนึ่ง”
โจนาธาน เพเชี่ยนต นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง เขาเอื้อมมือเข้าไปในลิ้นชัก และดึงเอาซองๆ หนึ่งออกมา
“อาร์เธอร์ นายสามารถแวะมาที่บ้านเพื่อกินอาหารได้ตลอดเวลา และถ้านายโทรศัพท์มาบอกล่วงหน้า ฉันจะบอกให้แม่ครัวคนเก่งของฉัน ทำ พาอีฮ่า สุดอร่อยไว้ให้และมั่นใจว่านายจะได้กุ้งก้ามกรามชิ้นใหญ่”
“ขอบคุณครับ คุณพี ผมไม่ได้จะคิดถึงอาหารของเอเพอรันซ่า แต่ผมจะคิดถึงคุณมากที่สุดครับ... ท่าน”
“โอ้ อาร์เธอร์ ไม่จำเป็นต้องพูดคำว่า ท่าน เลยฉันก็จะคิดถึงนายมากเช่นกัน แต่ฉันก็ได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว ฉันได้เห็นความเปลี่ยนแปลงและความก้าวหน้าของนาย แนรุ้ว่านายจะประสบความสำเร็จในชีวิต ฉันรู้ว่านายเต็มใจทำในสิ่งที่คนที่ไม่ประสบความสำเร็จไม่เต็มใจทำดังนั้น เมื่อ 6 เดือนที่แล้ว ฉันเก็บบางอย่างไว้ให้นาย... นี่ไง”
อาร์เธอร์รับซองจดหมายที่โจนาธานยื่นให้เขา
“คุณพีครับ มีชื่อของผมอยู่บนซองด้วย”
“ใช่แล้ว อาร์เธอร์ ฉันบอกนายแล้วว่ามันเป็นของสำหรับนาย และตอนนี้นายกำลังกลายเป็นเพื่อนของฉัน ฉันคิดว่านายควรเริ่มต้นเรียกฉันว่า โจนาธาน”
อาร์เธอร์เปิดซองจดหมายและอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในซอง
“คุณพีครับ... มันคือ...”
“มันมันมากพอที่จะจ่ายค่าเล่าเรียนตลอด 4 ปี ฉันรู้ว่านายสามารถทำได้สำเร็จโดยที่ฉันไม่ต้องช่วยเหลือความจริงมันเป็นเพราะนายได้พิสูจน์ว่านายสามารถบรรลุความสำเร็จได้ด้วยตัวเอง ฉันต้องการให้นายยอมรับของขวัญชิ้นนี้ เป็นเครื่องตอบแทน ถึงเวลาที่นายจะได้เพลิดเพลินกับ “มาร์ชมาลโลว์” สักก้อน 2 ก้อนได้แล้วฉันรู้ด้วยว่าเมื่อนายประสบความสำเร็จในวันหนึ่งข้างหน้า นายจะมอบสิ้งนี้ต่อให้กับคนอื่นที่มีศักยภาพและต้องการคำแนะนำบ้าง”
อาร์เธอร์โอบแขนของเขารอบตัวโจนาธาน แล้วชายทั้ง 2 ก็กอดกันพร้อมด้วยน้ำตาที่ไหลลงมา อาบแก้มของคนทั้งคู่




from http://is.gd/DR5fHb


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความยอดนิยม (ล่าสุด)

บทความยอดนิยม (1 ปีย้อนหลัง)