31 ธันวาคม 2563

สรุปการบริจาคเงินปี 2020 ของแอดมิน

   


แอดมินถูกฝึกให้ทำความดีตั้งแต่สมัยยังเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าวัด บริจาคเงิน ทำบุญ ทำทาน ปล่อยนกปล่อยปลา หรือให้อาหารสัตว์

สมัยเริ่มทำงาน ก็ได้ทำกิจกรรม CSR ของบริษัท จิตอาสา บริจาคเลือด ซื้อ lottery ช่วยเหลือคนพิการหรือคนยากจน และบริจาคเงินและเพิ่งมารู้จักกับ  เทใจดอทคอม ช่วงปี 2020 คิดว่าน่าสนใจและเราสามารถตรวจสอบได้ด้วย ว่าแต่ละโครงการเขาเอาเงินเราไปทำอะไรบ้าง 

หลังจากนั้นแอดมินก็บริจาคเงินกับเทใจดอทคอมทุกเดือนและคิดว่าคงจะทำไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ขัดสนเรื่องเงินๆทองๆ เพราะแอดมินคิดว่าการแบ่งเงินมาบริจาคสม่ำเสมอนั้นก็มีข้อดีมากมายกับผู้อื่น และเป็นการให้ที่ค่อนข้างสะดวกและไม่เดือดร้อนกับตัวเองมากเกินไป นอกจากนี้ การบริจาคเงินยังสามารถลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย โดยจะโฟกัสที่มูลนิธิช่วยเหลือสัตว์ สิ่งแวดล้อม ปลูกต้นไม้ ปลูกป่า และช่วยเหลือคนยากคนจน

ดูสรุปการบริจาคเงินปีอื่นๆได้ที่ Link

ข้อมูลด้านล่างเป็นการสรุปการบริจาคเงินปี 2020 ของแอดมิน

















13 ธันวาคม 2563

เทใจดอทคอม เว็บบริจาคเงินแนวใหม่ เสนอโครงการบริจาคและลดหย่อนภาษีได้

 เทใจดอทคอม (https://taejai.com/th/) คือเว็บไซต์บริจาคเงินที่มีความโปร่งใส่ สามารถตรวจสอบได้ น่าเชื่อถือ นอกจากนั้นทางเว็บยังเปิดโอกาสให้เราเสนอโครงการเพื่อสังคมต่างๆ เพื่อระดมเงินบริจาคได้อีกด้วย เช่น ถ้าใครอยากจะทำโครงการสร้างหรือปรับปรุงสวนสาธาณะเพื่อชาวบ้าน ก็สามารถเขียนโครงการเข้ามาระดมทุนได้ 

โดยทางเว็บจะหักเงิน 10% ของเงินบริจาคเพื่อเป็นการบำรุงรักษาระบบ ค่าทำธุรกรรมทางการเงิน และค่าติดตามตรวจสอบโครงการต่างๆ ให้ผู้ให้ทุกท่านมั่นใจว่าเงินบริจาคสนุนจะเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง

นอกจากนั้น เงินที่เราบริจาคยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย


หมวดหมู่ของการรับบริจาค



เป้าหมายและยอดบริจาคแต่ละโครงการ



เราสามารถส่งโครงการเพื่อสังคมมาระดมเงินบริจาคได้


ประวัติการบริจาค




ภาพรวมรายละเอียดการบริจาค




รายงานความคืบหน้าการใช้เงินบริจาค



หลังจากบริจาค เราจะได้รับใบเสร็จรับเงินทางอีเมล์











03 ธันวาคม 2563

Security test, penetration test (pen test) your API using OWASP Zed Attack Proxy (ZAP)

OWASP Zed Attack Proxy (ZAP) is an open-source tool for security testing, penetration testing (pen tests)  with many features like API scan, full web scan, baseline scan.

The example below will show steps to run API scan using the headless version (docker)

1. prepare your header configuration, e.g., authorization, access token by creating file "options.prop" with this content

replacer.full_list(0).description=access token

replacer.full_list(0).enabled=true

replacer.full_list(0).matchtype=REQ_HEADER

replacer.full_list(0).matchstr=access-token

replacer.full_list(0).regex=false

replacer.full_list(0).replacement=xxx

replacer.full_list(1).description=another header

replacer.full_list(1).enabled=true

replacer.full_list(1).matchtype=REQ_HEADER

replacer.full_list(1).matchstr=another-header

replacer.full_list(1).regex=false

replacer.full_list(1).replacement=yyy

The sample above assume that your APIs have these 2 headers

- key: access-token  value: xxx

- key: another-header value: yyy


2. run this command to start API scan

docker run -t --rm \
-v $(pwd):/zap/wrk/:rw owasp/zap2docker-weekly zap-api-scan.py \
-t api.yaml -f openapi -r report.html \
-z "-configfile /zap/wrk/options.prop" 

Note that

- api.yaml is your swagger file

- owasp/zap2docker-weekly is the docker image weekly build, you can change to stable or daily build version

- report.html is the reporting file after scanning success

You can file more details here.












23 พฤศจิกายน 2563

Investigate ObjectId (_id) of MongoDB

ObjectId (_id) of MongoDB is an auto-generated primary key by MongoDB. 


This field consists of 3 parts

1. a 4-byte timestamp value, representing the ObjectId’s creation, measured in seconds since the Unix epoch

2. a 5-byte random value

3. a 3-byte incrementing counter, initialized to a random value


e.g., 5fbb912a5eeb8beee934a5c4

1. timestamp value is 5fbb912a, we can get the creation time by using any computer language to perform basic calculation


2. random value is 5eeb8beee9


3. increasing counter value is 34a5c4

I tried to add more document and get these ObjectIds (_id) consecutively

5fbb91275eeb8beee934a5c0

5fbb91285eeb8beee934a5c1

5fbb91285eeb8beee934a5c2

5fbb91295eeb8beee934a5c3

You can see that the last part of each ObjectId (_id) is increment one by one.

Encrypt and decrypt data with Google Cloud KMS (Asymmetric)

Follow this tutorial if you want to use Google Managed Key on Google Cloud KMS.

But if you want to create your own key and upload it to Google Cloud KMS, please follow these steps

Generate key in der format

openssl genrsa -out key-pri.pem 3072

openssl pkcs8 -topk8 -nocrypt -inform PEM -outform DER \
-in key-pri.pem \
-out key-pri.der

openssl rsa -in key-pri.pem -pubout -out key-pub.pem


Upload key (.der file) to Google Cloud KMS

gcloud kms import-jobs create job \
--project ${PROJECT_ID} \
--location global \
--keyring ${KEY_RING} \
--import-method rsa-oaep-3072-sha1-aes-256 \
--protection-level software

gcloud kms keys versions import \
--project ${PROJECT_ID} \
--import-job job \
--location global \
--keyring ${KEY_RING} \
--key key \
--algorithm rsa-decrypt-oaep-3072-sha256 \
--target-key-file key.der

*you need to install crypto first


13 พฤศจิกายน 2563

SSL certificate server test online, SSL certificate server analysis online, View Server SSL certificate online

You can test your SSL certificate server online using a link to verify whether your server is secure enough or not and also view your SSL server information.





06 ตุลาคม 2563

Issue and renew Let's Encrypt SSL certificate using DNS (DNS-01) challenge

To issue and renew let's encrypt the SSL certificate using DNS (DNS-01) challenge is a good way for servers behind firewalls and servers that cannot connect to the internet.

To achieve this way, please follow the instruction from the link


More useful certbot commands

List certificates

> certbot certificates


Remove certificate

> certbot delete --cert-name [CERT_NAME]


Renew 1 certificate

> certbot renew --cert-name [CERT_NAME] --dry-run






05 ตุลาคม 2563

รีวิว ประกันออมทรัพย์ 10/1 IRR สูง ลดหย่อนภาษี ปี 2563

*ดูรีวิว ประกันออมทรัพย์ 10/1 ปีล่าสุดได้ที่ Link


ประกันออมทรัพย์

ประกันออมทรัพย์นั้น เป็นสิ่งที่ค่อนข้างน่าสนใจเนื่องจาก

1. สามารถลดหย่อนภาษีได้ ยิ่งฐานภาษีสูง ยิ่งได้เงินคืนเยอะ ดูรูปตารางอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ด้านล่าง (รูปคัดลอกมาจาก https://tinyurl.com/y4wonyuu)

2. ได้ผลตอบแทนที่สูง เมื่อเทียบกับฝากธนาคาร

3. ความเสี่ยงต่ำ


และประกันออมทรัพย์ 10/1 นั้น ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากจ่ายเบี้ยแค่ครั้งเดียวจบ ทำให้ไม่เป็นภาระผูกพันนานหลายปี ไว้ปีหน้า ถ้าเรามีเงินเหลือก็ค่อยหาประกัน 10/1 ตัวใหม่ แต่ถ้าไม่มีเงินเหลือ ซึ่งอาจจะมีภาระผ่อนบ้าน ผ่อนรถเยอะ ก็งดซื้อประกันปีนั้นๆ ไป



IRR (Internal rate of return)

IRR คือ อัตราผลตอบแทนที่เราได้จากการซื้อประกันออมทรัพย์ (บริษัทประกันมักจะไม่ค่อยบอกค่านี้ให้กับลูกค้า เราต้องมาคำนวณเอาเอง) ซึ่ง IRR ยิ่งสูง ยิ่งดี แสดงว่าผลตอบแทนสูง


วิธีการคำนวณ IRR

IRR นั้นคำนวณไม่ยาก เราสามารถใช้โปรแกรม excel หรือดาวน์โหลดแอพ Financial calculator จาก Google play store, Apple store มาคำนวณได้ง่ายๆ


จากตัวอย่าง สมมติมีประกัน 10/1 นึง ที่มีรายละเอียดดังนี้

- จ่ายเบี้ยครั้งเดียว 100,000 บาทปีแรก

- ได้รับเงินคืน ปีละ 2,000 บาททุกปี

- ปีที่ 10 ได้รับเงิน 102,000 บาท


ขั้นตอนการคำนวณ

1. สร้าง column ดังรูปด้านล่าง

2. ให้กรอกข้อมูลลงไป โดยเริ่มตั้งแต่ปีที่ 0 โดย ปีที่ ​0 เราจะจ่ายค่าเบี้ย และไม่มีเงินคืน

3. เงินคืนจะเริ่มมาตอนปีที่ 1 - 10

4. Cash Flow คือ เอาเงินคืน ลบเบี้ย

5. IRR ให้ใช้สูตร irr ซึ่งตัวอย่างนี้ IRR = 2% ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่ใช้ได้ และสูงกว่าฝากธนาคาร



รีวิวประกันออมทรัพย์ 10/1 

ตัวอย่างการคำนวณอ้างอิงจาก ชาย อายุ 35 ปี และจะแสดงค่า IRR แยกตามฐานภาษี 0%, 10% และ 20%

1. ดี-เซฟวิ่ง 10/1

URL: http://www.southeastlife.com/products/saving-and-Investment/d-saving




2. ซูเปอร์ริช 10/1





3. สมาร์ทเซฟฟิ่ง 10/1




4. แม็กซ์ เท็น วัน 10/1



5. One Plus 10/1



6. เมืองไทย อีซี่ รีเทิร์น 11/1

URL: https://onlinesale.muangthai.co.th/benefit?product=64



สรุป

จากประกันออมทรัพย์ 10/1 แต่ละเจ้าด้านบน สามารถสรุปเป็นตารางด้านล่างได้ ซึ่งจะพบว่า ถ้าเรามีฐานภาษี 20%  เราสามารถได้ IRR สูงถึง 4-5% 




*ดูรีวิว ประกันออมทรัพย์ 10/1 ปีล่าสุดได้ที่ Link


28 สิงหาคม 2563

สิทธิรักษาพยาบาล ประกันสังคม บัตรทอง และประกันสุขภาพ เลือกอย่างไรให้ตรงใจวัยเกษียณ

ในการวางแผนเกษียณอายุ หนึ่งในเรื่องสำคัญที่เราทุกคนต้องให้ความใส่ใจเป็นอย่างมาก คือ การวางแผนบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาล ซึ่งนับว่าเป็นรายจ่ายที่มีสัดส่วนที่เพิ่มสูงขึ้น เมื่อยามที่เรามีอายุมากขึ้น ระหว่างวัยทำงาน เรามักไม่ค่อยห่วงหรือเป็นกังวลกับค่าใช้จ่ายในส่วนนี้มากนัก เนื่องจากบริษัทที่เราทำงานอยู่มักมีสวัสดิการประกันกลุ่มที่ช่วยดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล นอกจากนี้เรายังสามารถใช้สิทธิรักษาพยาบาลตามการส่งเงินเข้าประกันสังคมมาตรา 33 ซึ่งก็สามารถช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลไปได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามในวัยเกษียณอายุที่สุขภาพก็เริ่มเสื่อมถอย ทำให้มีแนวโน้มว่าค่ารักษาพยาบาลจะเพิ่มสูงขึ้น แต่สวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลที่เคยได้รับจากบริษัทที่ทำงานได้หมดไป ทำให้เรายิ่งต้องเตรียมวางแผนสำหรับเรื่องนี้ให้พร้อมมากขึ้น บทความนี้จะมาช่วยสรุปว่า เราจะมีสิทธิรับการรักษาพยาบาลอะไรบ้าง และควรจะเลือกอย่างไรให้ตอบโจทย์ความต้องการของเรา



ประกันสังคม vs. บัตรทอง

สำหรับสิทธิรักษาพยาบาลจากประกันสังคมนั้น แม้ว่าเราจะเกษียณอายุแล้ว แต่เราก็ยังมีทางเลือกที่จะยกเลิกหรือเก็บสิทธิรักษาพยาบาลจากประกันสังคมได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. หากลาออก หรือสิ้นสุดสมาชิกภาพจากการเกษียณอายุตามประกันสังคมมาตรา 33 เราก็จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากประกันสังคมอีกต่อไป ซึ่งรวมไปถึงสิทธิการรักษาพยาบาลด้วย หากผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบมาเกิน 15 ปี (180 เดือน) จะได้รับบำนาญชราภาพแทน อย่างไรก็ตามเราสามารถไปใช้สิทธิรักษาพยาบาลจากบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือบัตรทองได้

2. หากเลือกที่จะคงสถานภาพสมาชิกประกันสังคมไว้ ก็จะต้องส่งประกันสังคมมาตรา 39 ต่อภายใน 6 เดือนนับจากวันที่ลาออกจากงาน โดยในกรณีนี้ ผู้ประกันตนจะต้องจ่ายเงินสมทบจำนวน 432 บาทต่อเดือน คิดเป็นเงินปีละ 5,184 บาท (9% บนฐานเงินเดือนที่ใช้คำนวณเงินสมทบที่ 4,800 บาท กำหนดโดยประกันสังคม) ทำให้ผู้ประกันตนจะยังคงสิทธิรักษาพยาบาล รวมถึงสิทธิประโยชน์อื่นๆ ของประกันสังคม (ทุพพลภาพ คลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และเสียชีวิต)

ดังนั้นผู้ที่เกษียณอายุส่วนใหญ่ มักจะมีคำถามว่า ควรจะลาออกจากสมาชิกภาพประกันสังคมตามมาตรา 33 เพื่อรับเงินบำนาญชราภาพ ส่วนการรักษาพยาบาลก็ไปใช้สิทธิรักษาพยาบาลตามบัตรทอง หรือควรจะรักษาสิทธิประโยชน์ตามประกันสังคมด้วยการส่งประกันสังคมมาตรา 39 ต่อ อย่างไรก็ตาม หากเลือกต่อประกันสังคมมาตรา 39 จะได้รับเงินบำนาญชราภาพก็ต่อเมื่อลาออกจากการเป็นผู้ประกันตน ทำให้เงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือน ที่จะนำมาคำนวณเงินบำนาญจะเหลือเพียง 4,800 บาท ส่งผลให้เงินบำนาญที่เราจะได้รับลดลง (ในขณะที่เงินเดือนเฉลี่ยในการคำนวณเงินบำนาญของประกันสังคมมาตรา 33 อยู่ที่ 15,000 บาท) เราจึงต้องพิจารณาถึงความต้องการของเราให้ถี่ถ้วนว่าต้องการได้รับบำนาญชราภาพ (จากประกันสังคมมาตรา 33) หรือต้องการสิทธิรักษาพยาบาล (จากประกันสังคมมาตรา 39) มากกว่ากัน

นอกจากนี้สิทธิรักษาพยาบาลตามประกันสังคม และสิทธิการรักษาพยาบาลตามสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง เพื่อตอบคำถามดังกล่าวขอเปรียบเทียบสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกันระหว่าง 2 ทางเลือก ดังนี้


ตารางเปรียบเทียบสิทธิการรักษาพยาบาลระหว่างประกันสังคมและบัตรทอง (ที่มา www.nhso.go.th และ www.sso.go.th)




*ศึกษารายละเอียดสิทธิการรักษาเพิ่มเติมได้ที่ www.nhso.go.th และ www.sso.go.th


จะเห็นว่า สิทธิการรักษาพยาบาลตามสิทธิบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าสิทธิรักษาพยาบาลตามสิทธิประกันสังคม ดังนั้น การลาออกจากประกันสังคมมาตรา 33 เพื่อรับเงินบำนาญ และเลือกใช้สิทธิรักษาพยาบาลจากบัตรทอง น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการส่งต่อประกันสังคมตามมาตรา 39 เนื่องจากได้รับเงินบำนาญชราภาพที่มากกว่า และยังคงสามารถใช้สิทธิรักษาพยาบาลตามบัตรทอง ซึ่งเป็นทางเลือกในการแบ่งเบาค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นในยามเกษียณได้


อย่างไรก็ตาม การหวังพึ่งสวัสดิการจากรัฐเพียงอย่างเดียว อาจจะไม่ใช่การวางแผนเกษียณที่ดีนัก เนื่องจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้จะมีผู้สูงอายุจำนวนที่มากขึ้น และกว่าที่เราจะเกษียณอายุ ก็ไม่รู้ว่านโยบายการให้หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าจะเป็นอย่างไร เงินงบประมาณจะเพียงพอหรือไม่ จะยกเลิกไปเสียก่อนหรือเปล่า ดังนั้นหากเราไม่มีการวางแผนการเงินของเราในเรื่องนี้ ถึงตอนนั้นก็อาจสายเกินไป ดังนั้นเราจึงควรมีการสำรองเงินไว้เป็นค่ารักษาพยาบาลของตัวเองและครอบครัว ร่วมกับการซื้อประกันสุขภาพไว้เพิ่มเติมด้วย



ในการเลือกซื้อประกันสุขภาพ ต้องคำนึงถึงเงื่อนไขและข้อควรพิจารณาต่างๆ ดังนี้

ประกันสุขภาพอาจจะ “ไม่คุ้มครองโรคที่เราเป็นมาก่อนทำประกัน”

ประกันสุขภาพจะไม่เริ่มคุ้มครองทันที เพราะมี “ระยะเวลารอคอย” ซึ่งในช่วงระยะเวลานี้ เราจะไม่สามารถเคลมค่ารักษาพยาบาลได้ ในกรณีเจ็บป่วยทั่วไปจะมีระยะเวลารอคอย 30 วันนับจากวันที่กรมธรรม์มีผลบังคับใช้ ในขณะที่บางโรคอาจมีระยะเวลารอคอยนานถึง 90 - 120 วันหรือมากกว่านั้น ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นโรคเรื้อรังที่รักษาให้หายขาดยาก หรือมีค่ารักษาพยาบาลสูง เช่น มะเร็ง เนื้องอก นิ่ว

“เงื่อนไขประกันสุขภาพ” มียกเว้นไม่คุ้มครองโรคบางโรค เช่น การรักษาเกี่ยวข้องกับความสวยความงาม การศัลยกรรมใบหน้าเพื่อความสวยงาม การคลอดลูกและค่ารักษาอื่นๆ เพื่อการมีบุตร การรักษาที่ไม่ใช่แพทย์แผนปัจจุบัน เช่น การฝังเข็ม การนวดกดจุด


การทำประกันสุขภาพต้องเปิดเผยข้อมูลตามความจริง

จะเห็นว่าเงื่อนไขของการทำประกันสุขภาพไม่ว่าจะเป็นการไม่คุ้มครองโรคที่เราเป็นมาก่อนทำประกัน หรือ การมีระยะเวลารอคอยต่างๆ ทำให้เราต้องวางแผนการทำประกันสุขภาพให้ดีว่าควรทำตอนไหน หากจะทำตอนใกล้เกษียณ ก็ต้องหมั่นดูแลสุขภาพของเราให้ดี ให้แข็งแรง เพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาในการทำประกันสุขภาพ และได้รับความคุ้มครองที่ครบถ้วน อย่างไรก็ตาม หากไม่มีข้อจำกัดทางการเงิน ก็น่าที่จะวางแผนทำประกันสุขภาพไว้แต่เนิ่นๆ ถือว่าเป็นการบริหารความเสี่ยง เพราะชีวิตมีความไม่แน่นอน และการซื้อประกันสุขภาพนั้น มีเงินอย่างเดียวอาจซื้อไม่ได้ ต้องมีสุขภาพที่ดีด้วย



21 สิงหาคม 2563

ทิป ไอโฟน (iPhone) ไอแพด (iPad)

เช็คว่าไอโฟน (iPhone) ไอแพด (iPad) เป็นเครื่องไทย หรือเครื่องนำเข้า (หรือ refurbished)

  • กดปุ่ม Settings > General > About
  • ดูที่ Model Number ถ้าเป็นเครื่องไทย จะมีคำว่า TH

เช็คว่าไอโฟน (iPhone) ไอแพด (iPad) เป็นของแท้ ของปลอม เช็คประกัน iCare

  • ดู Serial Number ของเครื่องโดยกดปุ่ม Settings > General > About
  • เข้าไปที่เว็บ http://checkcoverage.apple.com
  • กรอก Serial Number
  • กรอก Captcha
  • เว็บจะแสดงรุ่นไอโฟน (iPhone) ไอแพด (iPad) ของเรา ถ้าตรงกันแสดงว่าของแท้
  • เว็บยังจะแสดงข้อมูลประกัน iCare ที่เราสมัครไว้ให้ดูอีกด้วย


นำไอโฟน (iPhone) ไอแพด (iPad) เครื่องเก่า ไปแลกส่วนลดเพื่อซื้อเครื่องใหม่ หรือแลกรับ Gift Vouncher


ตรวจสอบเลข IMEI ของเครื่องไอโฟน (iPhone) ไอแพด (iPad)

  • กด *#06*

ทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ กับ AIS e-waste

  • เราสามารถนำขยะอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ สายชาร์จ powerbank battery ที่ชำรุด มาทิ้งได้ที่ AIS e-waste ตามจุดต่างๆ
  • ดูจุดรับทิ้งทั่วประเทศได้ที่ https://ewastethailand.com/

17 สิงหาคม 2563

MongoDB query join multiple collections using aggregate

MongoDB aggregate allows us to query and join multiple collections (like JOIN in SQL).


Sample Usage 

Let say, we have 3 collections like this


// customers collection
{
id: "c1",
name: "Robert Tee",
created: new Date()
}

// tickets collection
{
id: "t1",
seats: ["A1", "A2"],
customerId: "c1",
merchantId: "m1"
created: new Date()
}

// merchants collection
{
id: "m1",
name: "Merchant One"
created: new Date()
}


We would like to see the last ticket of the merchant "Merchant One" of the customer name "Robert Tee".

We can use the following MongoDB query command

// finding the last ticket of merchant ""Merchant One""
// of customer name "Robert Tee",
db.customers.aggregate([
// filter by customer name
{ $match: { "name": "Robert Tee" }},
// join tickets colletion
{
$lookup: {
from: "tickets",
localField: "id",
foreignField:
"customerId",
as: "ticket"
}
},
{ $unwind: {
path: "$ticket",
preserveNullAndEmptyArrays: false
}},
// join merchants colletion
{
$lookup: {
from: "merchants",
localField: "ticket.merchantId",
foreignField: "id",
as: "merchant"
}
},
{ $unwind: {
path: "$merchant",
preserveNullAndEmptyArrays: false
}},
// filter by merchant short name
{ $match: { "merchant.name": "Merchant One" }},
// order by created desc
{ $sort: { "ticket.created": -1}},
// get 1
{ $limit: 1 }
])




02 สิงหาคม 2563

ข้อคิดดีๆ จากเรื่อง"รอยตะปู"

ข้อคิดดีๆ จากเรื่อง"รอยตะปู"ของเพื่อนคนหนึ่ง อยากให้คนที่อารมณ์ร้อนได้อ่านกันทุกคน ถือว่าจะได้บุญในวันนี้เชื่อว่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในอนาคต!!!

เด็กน้อยคนหนึ่งเป็นเด็กอารมณ์ไม่ค่อยจะดี พ่อของเขาจึงให้ตะปูกับเขา 1 ถุงและบอกเขาว่า ทุกครั้งที่ลูกรู้สึกไม่ดี โมโห หรือโกรธใครก็ตาม ให้ตอกตะปู 1 ตัวลงไปที่รั้วหลังบ้านก็แล้วกัน วันแรกผ่านไปเด็กน้อยตอกตะปูเข้าไปที่รั้วถึง 37 ตัว วันที่ 2 และ วันที่ 3 และแต่ละวันที่ผ่านไป ผ่านไปจำนวนตะปูก็ค่อยๆลดลง ลดลงๆ เพราะเด็กน้อยรู้สึกว่า การรู้จักควบคุมตัวเองให้สงบ ง่ายกว่าการตอกตะปูตั้งเยอะ

แล้ววันหนึ่ง หลังจากที่เขาสามารถ ควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น ใจเย็นมากขึ้น เขาเดินไปหาพ่อเพื่อบอกว่า เขาคิดว่าเขาไม่จำเป็นที่ต้องตอกตะปูอีกแล้ว เพราะเขาได้เปลี่ยนไป เขาสามารถควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น ไม่มุทะลุเหมือนแต่ก่อนแล้ว

พ่อยิ้มแล้วบอกลูกชายว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ลองพิสูจน์ให้พ่อดู ทุกๆครั้งที่ลูกสามารถควบคุมอารมณ์ฉุนเฉียวของตัวเองได้ให้ถอนตะปูออกจากรั้วหลังบ้านที่ละ 1 ตัว วันแล้ววันเล่า เด็กชายก็ค่อยๆถอนตะปูออกทีละตัว ๆ จนในที่สุด วันหนึ่งตะปูทั้งหมดก็ถูกถอนออกเด็กชายดีใจมากรีบวิ่งไปบอกพ่อของเขาว่า ผมทำได้แล้วครับในที่สุดผมก็ทำได้สำเร็จ

พ่อไม่ได้พูดว่าอะไร แต่จูงมือลูกของเขาไปที่รั้วนั้น แล้วบอกลูกทำได้ดีมากทีนี้ลองมองกลับไปที่รั้วสิ เห็นมั๊ยว่ารั้วมันไม่เหมือนเดิมมันไม่เหมือนกับที่มันเคยเป็นก่อนหน้านี้ ลูกจำไว้นะ ว่าเมื่อไหร่ที่เราทำอะไรลงไปด้วยการใช้อารมณ์ สิ่งนั้นมักจะเกิดรอยแผล เหมือนกับการเอามีดไปกรีดหรือแทงใครเข้า ต่อให้ใช้คำว่า..ขอโทษ..สักกี่หนก็ไม่อาจจะลบรอยแผลหรือความเสียหายที่เกิดกับเขาคนนั้นได้ ลูกจงจำคำว่า ..ขอโทษ..ไว้เสมอนะ ไม่ว่าเขาจะยกโทษให้เรา หรือ ไม่ก็ตาม สิ่งที่มันเกิดขึ้น รอยร้าวที่เกิดขึ้นกับเขา เขาอาจจะไม่มีวันลืมมันได้......ตลอดไป

เรื่องตอกตะปูและรอยตะปูทำให้ชีวิตคนเปลี่ยนได้ดีขึ้น!!!!!!



ที่มา forwarded LINE

16 กรกฎาคม 2563

MacBook keyboard shortcut to get an emoji icon

To get an emoji icon on your MacBook, you can type this keyboard shortcut (control + command + space bar). And then click any emoji icon you need.


06 กรกฎาคม 2563

กองทุนรวมเพื่อการออม Super Saving Fund (SSF) กองไหนดี

กองทุนรวมเพื่อการออม Super Saving Fund (SSF) คืออะไร

กองทุนรวมเพื่อการออม Super Saving Fund (SSF) คือ กองทุนรวมเพื่อการลดหย่อนภาษี ที่มาแทนที่กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (Long Term Equity Fund: LTF) ที่หมดอายุไปเมื่อปี 2019

รายละเอียดต่างๆ ของ กองทุนรวมเพื่อการออม Super Saving Fund (SSF) นั้นสามารถดูได้ตามรูปด้านล่างครับ (รูปคัดลอกมาจาก https://tinyurl.com/yarmsgst)


วิธีการนับอายุระยะเวลาถือครอง ดูได้จากรูปด้านล่างครับ (รูปคัดลอกมาจาก https://tinyurl.com/yarmsgst)




ตัวอย่างการคำนวณจำนวนเงินที่สามารถซื้อได้ จากตารางฐานภาษีเงินได้ (รูปคัดลอกมาจาก https://tinyurl.com/y4wonyuu)


นาย ก เงินเดือน 20,000 บาท 
- รายได้ทั้งปี 20,000 x 12 = 240,000 บาท
- ฐานภาษี 5%
- ซื้อ SSF ได้สูงสุด 240,000 x 30% = 72,000 บาท
- ลดหย่อนภาษีได้ 72,000 x 5% = 3,600 บาท

นาย ข เงินเดือน 300,000 บาท
- รายได้ทั้งปี 300,000 x 12 = 3,600,000 บาท
- ฐานภาษี 30%
- ซื้อ SSF ได้สูงสุด 3,600,000 x 30% = 1,080,000 บาท ซึ่งเกิน 200,000 ดังนั้น นาย ข ซื้อได้สูงสุดที่ 200,000 บาท
- ลดหย่อนภาษีได้ 200,000 x 30% = 60,000 บาท



กองทุนรวมเพื่อการออม Super Saving Fund (SSF) ดีไหม ควรซื้อหรือไม่

ความเห็นส่วนตัวแล้ว คิดว่าควรซื้อครับ เนื่องจากการซื้อกองทุนรวมเพื่อการออม Super Saving Fund (SSF) นั้นมีข้อดีอยู่หลายประการคือ

1. ได้ลดหย่อนภาษี ยิ่งฐานภาษีสูงๆ ยิ่งได้เงินคืนภาษีเยอะ แต่ถ้าฐานต่ำๆ ก็ถือว่าได้เงินคืนนิดหน่อย

2. เป็นการฝึกวินัยในตัวเอง โดยกลยุทธ์การลงทุนที่น่าสนใจคือการลงทุนแบบ Dollcar Cost Average (DCA) หรือการทะยอยซื้อทุกๆ เดือน และเนื่องจากการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม Super Saving Fund (SSF) นั้นต้องถือยาว 10 ปี ทำให้เป็นการฝึกการลงทุนระยะยาวไปในตัว

3. เป็นการออมเพื่อให้ได้เงินก้อนใหญ่ ในอนาคตอีกหลายปีข้างหน้า หรือเป็นเงินเก็บเพื่อใช้ในวัยเกษียณอายุ จากข้อมูลสถิติย้อนหลัง การลงทุนในหุ้นในระยะยาวนั้นสามารถให้ผลตอบแทนได้สูง 8-10% ต่อปี แม้ระหว่างทางระยะสั้นอาจจะมีความผันผวนบ้าง (อ้างอิงจาก https://tinyurl.com/y59m66ae เขาบอกว่าผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีของดัชนี S&P ของอเมริกาตลอด 90 ปีนั้นให้ผลตอบแทน 9.8%)


กองทุนรวมเพื่อการออม Super Saving Fund (SSF) มีกี่ประเภท

แบ่งตามการจ่ายเงินปันผล แบ่งได้ 2 ประเภท

1. กองทุนที่จ่ายเงินปันผล
- ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้เงินปันผลมาในแต่ละปี แต่ก็มีข้อเสียคือ เงินปันผลนั้นจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10%
- ถ้าถือกองทุนครบ 10 ปี ผู้ถือหน่วยยังมีโอกาสได้รับ capital gain จากมูลค่าหน่วยลงทุนที่สูงขึ้น

2. กองทุนที่ไม่จ่ายเงินปันผล
- ผู้ถือหน่วยจะไม่ได้รับเงินปันผลระหว่างถือกองทุน 10 ปี
- ถ้าถือกองทุนครบ 10 ปี ผู้ถือหน่วยจะมีโอกาสได้รับ capital gain จากมูลค่าหน่วยลงทุนที่สูงขึ้น (ได้รับ capital gain มากกว่ากองทุนที่จ่ายเงินปันผล)



แบ่งตามหลักการลงทุน

1. Active fund
- กองทุนที่ใช้ทักษะของ fund manager ในการเลือกหุ้น เพื่อเอาชนะดัชนี benchmark
- มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงกว่าดัชนี benchmark แต่ก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนต่ำกว่าดัชนี benchmark เช่นกัน
- ค่าธรรมเนียมจะสูงกว่าแบบ 2

2. Passive fund, Index fund
- กองทุนที่ลงทุนตามดัชนี ไม่ว่าจะเป็นดัชนีหุ้นไทย หรือดัชนีหุ้นต่างประเทศ
- ผลตอบแทนจะใกล้เคียงกับดัชนี เช่น ถ้าดัชนีขึ้นไป 100% ผลตอบแทนก็จะประมาณ 100%
- ไม่ต้องใช้ fund manager บริหาร
- ค่าธรรมเนียมจะถูกกว่า



แบ่งตามลักษณะการลงทุน
1. บลจ ไปลงทุนกับกองทุนต่างประเทศ (Fund of funds)
- จะเสียค่าธรรมเนียม 2 ต่อ คือ ค่าธรรมเนียมของกองทุนต่างประเทศ และค่าธรรมเนียมของตัวกองทุนเอง

2. บลจ ลงทุนเอง
- จะเสียค่าธรรมเนียมแค่ 1 ต่อ



แบ่งตามสินทรัพย์ที่ลงทุน

1. ตราสารหนี้ หุ้นกู้ ในประเทศ
- ความเสี่ยงต่ำสุด
- ผลตอบแทนต่ำสุด
ตัวอย่างกองทุน
K-FIXEDPLUS-SSF [ไม่จ่ายปันผล] [Active fund]
SCBFP-SSF [ไม่จ่ายปันผล] [Active fund]
SCBSFFPLUS-SSF [ไม่จ่ายปันผล] [Active fund]




2. หุ้นกู้ ทั่วโลก
- ความเสี่ยงต่ำ
- ผลตอบแทนต่ำ
ตัวอย่างกองทุน
SCBGSIF-SSF [จ่ายปันผล] [Active fund] [Fund of funds]




3. กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ REIT ทั่วโลก
- ความเสี่ยงปานกลาง
- ผลตอบแทนปานกลาง
ตัวอย่างกองทุน
SCBPIN-SSF [จ่ายปันผล] [Active fund] [Fund of funds]




4. หุ้นในประเทศ
- ความเสี่ยงสูง
- ผลตอบแทนสูง
ตัวอย่างกองทุน
K-STAR-SSF [ไม่จ่ายปันผล] [Active fund]
SCBDV-SSF [จ่ายปันผล] [Active fund]
SCBSE-SSF [จ่ายปันผล] [Active fund]
SCBLTSET-SSF [จ่ายปันผล] [Passive fund]




5. หุ้นต่างประเทศ หุ้นทั่วโลก
- ความเสี่ยงสูง
- ผลตอบแทนสูง
ตัวอย่างกองทุน
K-CHANGE-SSF [ไม่จ่ายปันผล] [Active fund] [Fund of funds]
SCBS&P500-SSF [จ่ายปันผล] [Passive fund] [Fund of funds]
KFGBRANSSF [จ่ายปันผล] [Active fund] [Fund of funds]




6. สินทรัพย์อื่นๆ เช่นทองคำ
- ความเสี่ยงปานกลาง
- ผลตอบแทนปานกลาง
ตัวอย่างกองทุน
SCBGOLDH-SSF [จ่ายปันผล] [Passive fund] [Fund of funds]


กองทุนรวมเพื่อการออม Super Saving Fund (SSF) กองไหนดี

การเลือกกองทุนรวมเพื่อการออม Super Saving Fund (SSF) นั้นเป็นการลงทุนระยะยาว 10 ปี ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมา ในระยะยาวหุ้นจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตราสารหนี้ หุ้นกู้ หรือทองคำ ดังนั้น การลงทุนในหุ้น ไม่ว่าจะเป็นหุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศก็ได้ น่าจะเป็นการลงทุนที่น่าสนใจกว่า

เราสามารถดูรายชื่อและรายละอียดกองทุนรวมเพื่อการออม Super Saving Fund (SSF)  ทั้งหมดได้ที่
https://tinyurl.com/y8uoqb2r
https://tinyurl.com/ycw4998m







02 กรกฎาคม 2563

เครดิตภาษีเงินปันผล รายได้พิเศษของนักลงทุนในหุ้น

เครดิตภาษีเงินปันผลคืออะไร

ปัจจุบันเงินปันผลที่นักลงทุนในหุ้นได้นั้นถูกหักภาษีไป 2 ครั้ง เช่น 
บริษัท A เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ 20%
มีกำไรก่อนภาษี 100 บาท
มีกำไรหลังภาษี 100 - 20% = 80 บาท
สมมติบริษัท A จ่ายเงินปันผลให้นักลงทุนในหุ้นจากกำไรทั้งหมดเลย คือ 80 บาท
นักลงทุนในหุ้นจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% = 80 - 10% = 72 บาท

จะเห็นได้ว่า จากเงิน 100 บาท มาเป็น 72 บาทนั้น นักลงทุนในหุ้นเสียเงินไปทั้งหมด 28 บาท หรือคิดเป็น 28%

สมมตินักลงทุนมีฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ 10% นักลงทุนควรจะเสียภาษีแค่ 10 บาท ไม่ใช่ 28 บาท

เพื่อลดปัญหาการเสียภาษีซ้ำซ้อน กรมสรรพากรเลยอนุญาตให้นักลงทุนสามารถทำการเครดิตภาษีเงินปันผลได้ (หรือไม่ต้องทำก็ได้)



การคำนวณเครดิตภาษีเงินปันผล

สูตรการคำนวณเครดิตภาษีเงินปันผล คือ

เครดิตภาษีเงินปันผล = (เงินปันผล x อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล) / (100 - อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล)

เช่น บริษัท A เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ 20% และจ่ายเงินปันผล 80 บาท
เครดิตภาษีเงินปันผล = (80 x 20) / (100 - 20) = 20 บาท

ถ้าเราต้องการเครดิตภาษีเงินปันผล เราจะต้องนำเงินปันผล + เครดิตภาษีเงินปันผล (จากตัวอย่างคือ 80 + 20 = 100 บาท) ไปรวมกับรายได้ตอนยื่น ภงด

เราสามารถดูภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทที่เราลงทุนได้จากเอกสารที่ทาง TSD ส่งมาให้เรา เวลาได้รับเงินปันผล ดังรูป




ควรเครดิตภาษีเงินปันผลหรือไม่

จากที่กล่าวไปแล้วว่า การเครดิตภาษีเงินปันผลนั้น เราสามารถเลือกที่จะทำหรือไม่ทำก็ได้ ซึ่งหลักการคำนวณคือ

ถ้าฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเราสูงกว่า ก็ไม่ควรทำ
ถ้าฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเราต่ำกว่า ก็ควรทำ

จากตารางฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จาก Link


จากตัวอย่างบริษัท A เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ 20% ข้างต้น
นักลงทุนในหุ้นของบริษัท A จะได้หักไป 28% ดังนั้น
ถ้านักลงทุนฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 0%-25% ควรทำการเครดิตภาษีเงินปันผล
ถ้านักลงทุนฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 30-35% ไม่ควรทำการเครดิตภาษีเงินปันผล



ประโยชน์ของเครดิตภาษีเงินปันผล

ประโยชน์ของการเครดิตภาษีเงินปันผลนั้นมีอยู่ 2 อย่างด้วยกันคือ

1. ได้เงินคืนจากการจ่ายภาษีซ้ำซ้อน
2. ฐานรายได้สูงขึ้นทำให้เราสามารถซื้อกองทุนรวม SSF RMF ได้มากขึ้นกว่าเดิม

สมมตินาย ก เป็นพนักงานออฟฟิศ
- เงินเดือน 30,000 บาท
- โบนัส 1 เดือน หรือปีละ 30,000 บาท
- กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 5% หรือ เดือนละ 1,500 หรือปีละ 18,000 บาท
- ประกันสังคม ปีละ 9,000 บาท
- เมื่อกรอกข้อมูลลง โปรแกรมคำนวณภาษี
จะได้รายได้ทั้งปี 203,000 บาท และเสียภาษี 2,650 บาท
ซึ่งนาย ก สามารถซื้อ SSF RMF ได้สูงสุด 234,000 บาท ดังรูป



สมมตินาย ก ได้รับเงินปันผลจากบริษัท A ซึ่งเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ 20% ปีละ 50,000 บาท และนาย ก เลือกที่จะเครดิตภาษีเงินปันผล

สูตรการคำนวณเครดิตภาษีเงินปันผล คือ

เครดิตภาษีเงินปันผล = (เงินปันผล x อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล) / (100 - อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล)

เครดิตภาษีเงินปันผล = (50,000 x 20) / (100 - 20) = 12,500 บาท

นาย ก ต้องนำรายได้ จากเงินปันผล + เครดิตภาษีเงินปันผล 
= 50,000 + 12,500 = 62,500 บาท ไปคำนวณภาษีด้วย

นาย ก จะเสียภาษี 5,775 บาท
แต่นาย ก จะได้เงินเครดิตภาษีเงินปันผลคืนเป็นเงิน 12,500 บาท
นอกจากนั้น นาย ก ยังได้รับสิทธิ์ซื้อ SSF RMF เพิ่มจาก 234,000  เป็น 271,500 บาท อีกด้วย ดังรูป


สมมติ นาย ก ซื้อ SSF RMF เต็มจำนวน การเครดิตภาษีเงินปันผล จะทำให้นาย ก ได้รับเงินคืน 12,500 บาท



ขั้นตอนการเครดิตภาษีเงินปันผล

1. ไปที่เว็บ TSD https://ivp.tsd.co.th

2. เข้าหน้า ดาวน์โหลด > ไฟล์ยื่นภาษี และกดปุ่ม ​Download เพื่อ download ไฟล์เพื่อยื่นสรรพากร ตามรูปด้านล่าง



3. ตอนยื่น ภงด 90/91 ให้เลือก "เงินปันผล ส่วนแบ่งกำไนจากหุ้น/กองทุน (มาตรา 40(4)(ข))" ตามรูปด้านล่าง



4. กดปุ่ม "นำเข้าข้อมูลจาก TSD" แล้วอัพโหลดไฟล์จากข้อ 1 ตามรูปด้านล่าง















List all gmail public ip address range

https://www.sourceonetechnology.com/gmail-ip-address-ranges/

30 มิถุนายน 2563

เมื่อได้คลุกคลีกับคนจน จนได้รู้ซึ้งถึงตรรกะ ว่าทำไมชีวิตถึงไม่มีปัญญาหลุดพ้นกับความจนสักที

ผมเห็นบทความนี้จาก Link เห็นว่าเนื้อหาพูดได้ค่อนข้างตรงไปตรงมา และอ่านแล้วเราสามารถนำมาทบทวนตัวเอง นำมาปรับปรุงนิสัยที่ไม่ดีได้ครับ

.
.
.


อันนี้เป็นประสบการณ์เม้ามอยเล่าสู่กันฟัง

เราเคยสงสัยหลายๆ ครั้งว่าทำไมคนๆ หนึ่งถึงจนทั้งปีทั้งชาติ แบบชาตินี้ไม่มีปัญญาหลุดพ้นกับความจนได้สักที

ในหลายๆ ครั้ง เราได้ไปพบตรรกะหลายๆ อย่างสุดประหลาดในหมู่คนจน จนอดไม่ได้ที่จะเอามาเล่าสู่กันฟัง
หลายๆ ครั้งก็โมโห มากกว่าสงสาร สังเวช

จนในที่นี้คือ แทบไม่มีจะแดร๊ก...ของแท้
ช่วยจนไม่รู้จะช่วยยังไง จนต้องถอดใจแล้วเอ่ยว่า เป็นเวรเป็นกรรมที่เค้าทำมา

ในที่นี้เราจะไม่พูดถึงปัญหาอย่างอื่น แต่จะพูดถึงตรรกะแปลกๆ ของคนจนล้วนๆ



เคส1

เจอคนจนมาก ไม่มีข้าวกิน มาขอข้าวสารไปหุง เงินมากสุดในชีวิตคือเงินพัน แบบพันต้นๆ
เราก็สงสารเค้า อยากให้เค้าเลี้ยงตัวเองได้ ลองๆ ถาม อยากช่วยหางานให้

พอมีช่วงพวกงานวัด พ่อค้าแม่ค้าก็อยากได้ลูกมือ ช่วยงาน เค้าให้คืนละ 250 มีงาน 10 คืน
เรารีบไปบอกเลยว่าให้ไปขอพ่อค้าทำงาน
เค้าก็ไม่ทำงาน บอกว่ากดค่าแรง รัฐบาลบอกว่าต้องได้ 300 (wtf!!!)
บอกว่าให้เราช่วยหางานรายเดือนให้หน่อย เขาไม่ขอมาก แค่เดือนละ 2,000 ก็พอใจละ

งืดดดดดด....ตรรกะ คืองานรายวัน มีไรทำก็ทำไปก่อน แล้วบวกเลขไม่เป็นหรอ? วันละ 250 บาท 10 คืน ก็ได้ 2,500 แล้ว แล้วไม่เอา แต่ละเอางานรายเดือนเดือนละ 2,000 บาท ...



เคส2

ไม่มีภาระอะไรต้องใช้จ่าย แต่แบบ พอคนแถวนั้นเค้ามีแผงกู้เงินนอกระบบแล้วคนอื่นเค้ากู้กันก็กู้ตามเค้าเพื่อเอามาใช้ฟุ่มเฟือย แล้วก็เครียดหาเงินเพื่อจ่ายดอกมันทุกวัน!!! เครียด ร้องไห้ มายืม มาขอไอ่เราก็เห็นใจอยากให้หลุดพ้น ช่วยไปหาข้อมูลธนาคาร(ช่วงนั้นมีธ.ออมสินที่ช่วยเหลือเกี่ยวกับลูกหนี้นอกระบบ) ช่วยเดินเรื่อง ต้องการให้เข้ามากู้ในระบบ เอาเงินไปโปะนอกระบบ แล้วเข้าธนาคาร ดอกเบี้ยมันถูก คุยกันง่าย ไม่ใช่ให้พวกหมวกกันน็อคมาคุย
เราก็ช่วยอะไรไปหลายอย่าง ติดต่อผจก.ธนาคาร สอบถามจนแน่ใจว่าย้ายมากู้เงินในระบบทำได้แน่
เราก็รีบไปบอกให้ไปธนาคาร
ผลสุดท้าย !!! บอกไม่ทำ บอกว่าเป็นหนี้อยู่แล้วไม่อยากเป็นหนี้ธนาคารอีก
เราก็บอกว่า ไม่ใช่เป็นหนี้อยู่แล้ว แต่ให้ธนาคารช่วยโปะหนี้ทีอื่นแล้วมาจ่ายกับธนาคาร จะได้ไม่ลำบาก หนี้จะได้หมดเร็วๆ
ไปๆ มาๆ ก็ยังรั้นไม่ทำ... ทุกวันนี้ก็ทำงานหาเงินจ่ายดอกไป เกินเงินต้นไปเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ เป็นปีสองปี เงินหมื่น ดอกเบี้ยล่อไปสามสี่หมื่นแล้วมั้ง เพราะดอกเบี้ยรายวัน
แต่ช่างงงง...พยายามช่วยแล้ว แต่เค้าไม่รับก็สุดแล้วแต่เค้า



เคส3

เราช่วยคนจนลงทะเบียนเราไม่ทิ้งกัน เพราะรู้ว่าเค้าลำบาก พอลงทะเบียนไปก็รออย่างเดียว พยายามเช็คให้เค้าทุกวัน เพราะอยากให้เค้าได้เงินมาใช้จ่าย เพราะคนมันไม่มีแดรก

ลงทะเบียนไปก็รอแล้วรอเล่า ไม่ได้สักที แต่ผลออกมาแล้วว่าได้รับสิทธิ์ แต่ให้ส่งข้อมูลเพิ่มเติม (เออ ก็ต้องรอทั้งประเทศนั่นแหละ)

คนนั้นรอไม่ไหว แอบไปขอให้คนอื่นที่รู้จักช่วยยกเลิกสิทธิเพราะรอไม่ไหว

(wtf แรงมาก!!!)

และสิทธิก็ถูกยกเลิก...

แล้วไงต่อ??? ตัวเองตังก็ไม่มี รอไม่ได้เลยยกเลิกสิทธิ์ แล้วยกเลิกสิทธิมันทำให้มีเงินมั้ย มันก็ไม่มีเหมือนเดิม
คือมันช้าก็เข้าใจ แต่ไม่ยกเลิกสิทธิ์ อย่างมากก็ช้าหน่อย แต่ถ้ารอก็ยังได้เงินมาใช้จ่าย เงินเดือนละ 5,000 ไม่ใช่น้อยๆ ต่อชีวิตได้อีกมาก

ทีนี้ยกเลิกสิทธิไปแล้ว ตังค์ก็ยังไม่มีเหมือนเดิม เงินก็ไม่ได้...โอเค จบ...
ไม่เก็ทตรรกะจริงๆ ได้สิทธิแล้วจะยกเลิกทำเพื่อ ตัวเองทุนสำรอง งานอะไรก็ไม่มีสักอย่าง



เคส4

คนจนลูกเยอะ

เอาง่ายๆ ไม่มีจะแดรกกันทั้งครอบครัวนั่นแหละ ลูกก็ไม่ได้เรียนหนังสือ เรียกว่าทุกข์ยากทั้งครอบครัว
ดีที่เด็กเลี้ยงง่าย กินดินกินทรายก็ไม่ป่วยอะไร เลี้ยงปล่อยๆ ก็ไม่มีใครจับเด็กไปขาย เด็กวิ่งเล่นไล่จับกันข้ามถนนไปข้ามถนนมา เราเห็นแล้วยังหวาดเสียวแทน

บ้านนี้ลูก 4 เรียงๆ ติดๆ กัน

ตอนคลอดลูกคนที่ 4 มีคนแนะนำไปว่าให้ไปทำหมันมั้ย ผูกหมันชั่วคราวก่อนก็ได้ เดี๋ยวมันจะไม่มีกินกันทั้งครอบครัวนะ

เค้าบอกทำหมันไม่ได้เด็ดขาด เดี๋ยวสามีไม่รัก

หันไปคุยกับทางสามี สามีก็บอกทำหมันไม่ได้ เกิดเป็นลูกผู้ชายไม่ให้ทำหมัน (ISaddddd)
อนามัยเอาถุงยางมาแจก ยาคุมมาให้ก็ไม่เอา มันไม่เอาอะไรสักอย่าง
ไม่รู้ป่านนี้ลูก6 ลูก 7 ยัง

อันนี้เคสคร่าวๆ เกี่ยวกับตรรกะแปลกๆ หลายอย่างที่เราไม่เก็ท

เวลาเจอคนจน เราสงสาร เรากระตือรือล้นอยากช่วยเหลือเค้าให้พ้นสภาพความจน ไม่ใช่เอาตังให้ไปวันๆ
(ต่อให้เอาตังให้ก็ไม่พ้นสภาพความจนหรอก ถ้าตรรกะยังเป็นอิหรอบนี้)

แต่พอได้คุยได้ฟังตรรกะหลายๆ อย่างแล้ว

บางทีก็รู้สึกปลง แล้วก็คิดว่า เค้าทำกรรมมาอย่างนั้น ชาตินี้เค้าก็ต้องชดใช้กรรมกันไป

คนอื่นเคยเจอเคยฟัง เคยเห็นตรรกะแปลกๆ แบบนี้บ้างไหมคะ แวะมาเม้ามอยเล่าสู่กันฟังค่ะ

---------------
----------------

แวะเอาข้อความล่างๆ ของตัวเองมาต่อตรงนี้ กลัวคนไม่เห็น


กระทู้ของเราที่เอามาเม้ามอยแลกเปลี่ยนแชร์ประสบการณ์
แชร์ไปหลักพัน คนถกกันหลักร้อย
แมสแล้ววว
แมสเว่ออออร์
แมสแบบนี้เอาของมาขายได้ยังคะ 5555555

เอ้ย!! ไม่ใช่!

ต้องบอกว่าเจ้าของกระทู้ซาบซึ้งใจมากที่กระทู้ได้รับความสนใจขนาดนี้ ทั้งแง่บวกและลบ

ชิวๆ ค่ะ คนเรามาพูดคุยกันในกระทู้เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน

อย่างน้อยได้รู้ว่าเรื่องจริงยังมีอะไรอีกเยอะมาก หลายๆ คนก็ทีแนวคิดและประสบการณ์แตกต่างกันไป

กระทู้นี้จขกท. พูดถึงแค่เรื่อง "ตรรกะ"
แปลกๆ ที่เคยได้เจอมาเท่านั้น

ไม่ได้เอ่ยถึงสภาพแวดล้อมการจนแบบอื่นๆ เพิ่มเติมด้วย

ที่กล่าวถึงไม่ได้พูดถึงสภาพแวดล้อมอื่นที่ทำให้ยากจน
เช่น อาจจะพิการ ป่วยเรื้อรัง ทำให้รายจ่ายมาก รายได้ไม่พอ หนี้จากโคตรเหง้าที่ต้องมารับภาระ หรืออื่นๆ
เราเอ่ยถึงแค่เรื่องแนวคิดแปลกๆ ที่เราไม่เก็ทเท่านั้น

และไม่ได้ชี้นำให้ใครเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย
ไม่ได้บอกว่าความคิดของตัวเองถูกต้อง หรือผิด

เพราะจขกท. เล่าในลักษณะแชร์ประสบการณ์
ดังนั้นสิ่งที่พิมพ์ไปนั้นเป็นความเห็นส่วนตัวของจขกท.เพียงอย่างเดียว

จขกท.คิดว่าตัวเองไม่ได้คำพูดที่เหยียดหรือดูถูกคนจนนะ

ไม่เคยเหยียดใคร เคยมากสุดแค่เหยียดแข้งเหยียดขาแก้เมื่อยเท่านั้น 5556555

(หรือคนอื่นอ่านแล้วคิดว่าจขกท.เหยียด?
ยังไงช่วยบอกด้วยว่าประโยคไหน คำพูดไหน
จขกท.จะได้นำไปคิดพิจารณาเพิ่มเติม คราวหน้าจะได้ระวังในการแสดงความคิดเห็นมากขึ้น)

เออ...จนพอเกิดกระทู้นี้ขึ้นมา มีหลายความเห็นออกมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์แล้ว ก็ทำให้เราย้อนคิดเหมือนกันว่า บางทีคนรวยมากๆ เค้าก็อาจไม่เก็ทตรรกะชนชั้นกลาง
เหมือนชั้นกลางไม่เก็ทตรรกะคนจน เช่นเดียวกัน

สิ่งที่จขกท.แคร์คือ ขอแค่ไม่สร้างปัญหาและความลำบากให้คนอื่นและสังคมก็พอ

สำหรับจขกท.แล้ว ต่อให้ไม่มีรายได้เลย แต่มีกินตลอดไม่อดอยากจนต้องร้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น คือคนไม่ยากจนแล้ว

เช่น รู้จักปลูกผักกินเอง ตกปลาได้ หาปลาเป็น มีเงินออมบ้างเผื่อฉุกเฉิน มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน หรือทางที่ดีไม่มีหนี้สินเลย แค่นั้นก็ถือว่าไม่ยากจนแล้ว

เคยได้ยินเรื่องคนเก็บขยะที่มีความสุขตามอัตภาพ เก็บของขาย หาเงินได้วันละร้อยกว่าๆ แต่เค้ารู้จักเก็บรู้จักอดออม ของก็ไม่ค่อยซื้อ ผักก็เก็บริมรั้วกิน ตอนนี้มีเงินเก็บเกือบหลักหมื่นในบัญชี
(ดูจากรายการสักอย่างของคุณปัญญา)
แบบนี้โอเคมาก น่าชื่นชม

ต่อให้ไม่รวย แต่คนแบบนี่ก็ถือว่าหลุดพ้นจากความยากจนแล้ว สำหรับเรา

ดังนั้นไม่จำเป็นต้องกระแนะกระแหนว่าจขกท.รวยพันล้าน มาจากชนชั้น elite
เพราะจขกท. ก็ไม่ใช่คนรวยค่ะ 55555 มีรายได้น้อยกว่ามาตรฐานคนในพันทิปเยอะ

แต่ที่แน่ๆ คือมีเงินพอจะกินข้าวได้ทุกวัน ไม่เป็นหนี้สิน แค่นี้ก็พอแล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นต้องกระแนะกระแหนกันค่ะ

จขกท.ไม่ได้นั่งนินทา แต่เป็นการนำประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟัง

เพื่อเกิดประโยชน์ อยากให้เม้ามอยกันประสาคนมีความรู้ มาถกกันทางวิชาการ มาคุยกันเกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิตดีกว่า

ตบท้าย 55555

ขอบคุณค่ะ

ตอนนี้แมสในเฟสบุคแล้ว อยากแมสในทวิตบ้าง อยากอ่านความเห็นชาวบ้านคนอื่น 555555
บรัย

#จนความคิดทำชีวิตจน


13 มิถุนายน 2563

git@bitbucket.org: Permission denied (publickey). fatal: Could not read from remote repository.

If you found the error like this when cloning your repository from bitbucket

$ git clone git@bitbucket.org:repo/app.git

Cloning into 'app'...

The authenticity of host 'bitbucket.org (1.2.3.4)' can't be established.

RSA key fingerprint is SHA256:xxx.

Are you sure you want to continue connecting (yes/no)? yes

Warning: Permanently added 'bitbucket.org,1.2.3.4' (RSA) to the list of known hosts.

git@bitbucket.org: Permission denied (publickey).

fatal: Could not read from remote repository.


Please make sure you have the correct access rights

and the repository exists.


You can solve it by these steps

1. add or edit ~/.ssh/config file (create a new one if you don't have this file)

2. copy the path of your Bitbucket private key (id_rsa), e.g, /Users/user/.ssh/id_rsa

3. add this text to your ~/.ssh/config

Host bitbucket.org

  IdentityFile /Users/user/.ssh/id_rsa


4. re-clone your Bitbucket repository

09 มิถุนายน 2563

git clone error "SSL certificate problem: unable to get local issuer certificate"

If you have your own git server with a self-signed SSL certificate, you may found error "SSL certificate problem: unable to get local issuer certificate" during clone your git repository because of the SSL certificate is not trusted.

You can fix this issue by running command "git config --global http.sslVerify false" to not verify the SSL certificate.

Then you can clone your git repository.

28 พฤษภาคม 2563

adding custom CSS to blogger

Blogger allows you to add custom CSS, such as a table with zebra style. 

You can do it by going to Blogger Theme Designer plage, select Advance > Add CSS, and then put your own custom CSS here.

After that, click "Apply to Blog" button.





On your creating blog page, you can switch to HTML and write html table with your custom class from the CSS above like this.



After publishing your post, the table will be rendered from your CSS like this.





รายละเอียด SSFX, SSF, RMF ล่าสุด


ที่มา Link

26 พฤษภาคม 2563

แหล่งบริจาคเงินผ่าน Mobile App โปร่งใส่ น่าเชื่อถือ

การบริจาคเงินออนไลน์นั้นทำได้สะดวก รวดเร็ว และง่ายมากๆ ซึ่งข้อดีต่างๆ เหล่านี้ทำให้เกิดกลุ่มมิจฉาชีพมากมายเข้ามาหาผลประโยชน์ ซึ่งการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล และการติดตามข้อมูลนั้นทำได้ยากมาก

ขจกท ขออนุญาตแนะนำช่องทางการบริจาคเงินผ่าน Mobile App ที่โปร่งใสและน่าเชื่อถือ เพื่อให้เงินทุกบาทของผู้บริจาคนั้นถูกนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงๆ ถึงผู้ที่เดือดร้อนจริงๆ และนอกจากนั้น ผู้บริจาคยังสามารถนำหลักฐานการบริจาคไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย


  1. เทใจ: https://taejai.com
  2. Kplus: https://www.kasikornbank.com/th/promotion/pages/e-donation.aspx
  3. Airpay: https://airpay.in.th/app/faq/donation.html
  4. Truemoney: https://www.truemoney.com/donation/
  5. SCBEasy: https://www.scb.co.th/th/personal-banking/digital-banking/scb-easy/how-to/donation.html





25 พฤษภาคม 2563

MongoDB playground

If you want to test your MongoDB query logic and try something without installing MongoDB database. You can use Mongo Playground online


Just go to the website and play.

21 พฤษภาคม 2563

Vulnerability in RabbitMQ : disable cleartext authentication mechanisms in the amqp configuration, Golang

To fix the vulnerability in RabbitMQ : disable cleartext authentication mechanisms in the amqp configuration, follow these steps

Create self-signed certificate files

the easy way is cloning the repository https://github.com/michaelklishin/tls-gen  then

1. go to the cloned repository and goto basic directory

2. run make PASSWORD={your_password} CN={your_domain}, see image below


3. ca, server and client certificate files will be created, see image below



Configure RabbitMQ configuration file

your rabbitmq.conf should be configured like this

loopback_users.guest = false
listeners.ssl.default = 5671
ssl_options.cacertfile = path_to_ca_certificate.pem
ssl_options.certfile = path_to_server_certificate.pem
ssl_options.keyfile = path_to_server_key.pem
ssl_options.password = XXXXX
default_pass = XXXXX
default_user = XXXXX

* Note
listeners.tcp.default = 5672 must be removed
- ssl_options.password must match the certificate password from the step above
- a related document is available at https://www.rabbitmq.com/ssl.html

Configure the client

your client code (Golang) should be written like this

cfg := new(tls.Config)
cfg.InsecureSkipVerify = true
cfg.RootCAs = x509.NewCertPool()
ca, err := ioutil.ReadFile("path_to_ca_certificate.pem")

if err == nil {
cfg.RootCAs.AppendCertsFromPEM(ca)
} else {
return nil, err
}

cert, err := tls.LoadX509KeyPair(
"path_to_client_certificate.pem",
"path_to_client_key.pem",
)
if err == nil {
cfg.Certificates = append(cfg.Certificates, cert)
} else {
return nil, err
}

url := fmt.Sprintf(
"amqps://%s:%s@%s:%d",
"rabbit_user",
"rabbit_password",
"rabbit_host",
5671,
)
con, err := amqp.DialTLS(url, cfg)
if err != nil {
return nil, err
}

see related full Golang code at https://tinyurl.com/y6u9ack9

บทความยอดนิยม (ล่าสุด)

บทความยอดนิยม (1 ปีย้อนหลัง)