25 พฤศจิกายน 2566

"สมองตัน คิดอะไรไม่ออก ลองออกไปเดิน🚶" เมื่อการเดินมีพลังมากกว่าที่เราคาดคิด

ในวันที่เราหัวตัน คิดงานไม่ออก ไอเดียไม่มา แต่ละคนก็จะมีวิธีที่แตกต่างกันไปในการแก้ปัญหานั้นๆ บางคนอาจจะหยุดการทำงานเอาไว้ก่อนและหันไปทำสิ่งอื่น บางคนอาจจะฝืนนั่งคิดต่อไปจนกว่าจะมีไอเดียออกมา และมีวิธีหนึ่งที่หลายคนอาจจะทำอยู่บ่อยๆ แต่ไม่รู้ตัว นั่นก็คือ ‘การเดิน’ นั่นเอง

‘การเดินเป็นสิ่งที่ช่วยให้สมองของเราโลดแล่นไปในห้วงความคิดได้อย่างดีเยี่ยม’ นักวิทยาศาสตร์ด้านพฤติกรรมและการเรียนรู้จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Standford)
แมริลี ออพเพซโซ่ (Marily Oppezzo) ก็มีแนวคิดเดียวกันกับประโยคข้างต้น

โดยเธอได้มีโอกาสกล่าวสุนทรพจน์ใน TED Talk กับหัวข้อ “Want to be more creative? Go for a walk” หรือแปลได้ว่า “ต้องการความคิดสร้างสรรค์เพิ่มเหรอ ออกไปเดินซะ”

นอกจากนี้ สตีฟ จอบส์ (Steve jobs) ผู้ก่อตั้งแอปเปิล (Apple) ก็ใช้ ‘การเดิน’ เพื่อเป็นการระดมความคิดให้กับทีมอีกเช่นกันนะ โดยเขาจะชวนทุกคนเดินเล่น และพูดคุยไปรอบๆ ที่ทำงานไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ไอเดียที่ต้องการ

ถึงแม้จะดูแปลกๆ ว่าการเดินนั้นจะสามารถช่วยเราได้อย่างไร ตามความคิดของคนทั่วไป การเดินอยู่เป็นประจำอย่างมากก็แค่ลดน้ำหนักได้นิดหน่อยเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว ‘การเดิน’ นั้นทำประโยชน์ให้เราได้ในหลายทางเลยล่ะ



การเดินและความคิดนั้นสัมพันธ์กับเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในสมอง ทั้งการเดินยังช่วยให้หัวใจสูบฉีดเลือดได้ดี เพิ่มการไหลเวียนของออกซิเจน และ นำไปสู่การรับรู้ทางสมองที่มีประสิทธิภาพ กำจัดเซลล์ที่เสื่อมสภาพตามอายุ และกระตุ้นสมองในบริเวณที่สําคัญต่อความจํา (Hippocampus)

นอกจากนี้จังหวะของการเดินยังมีอิทธิพลต่อสภาพจิตใจของเราด้วยเช่นกัน และส่งเสริมความคิดที่สร้างสรรค์ ซึ่งสามารถนำไปสู่ความคิดใหม่ๆ ได้อีกด้วย

การเคลื่อนไหวของร่ายกายสัมพันธ์กับความคิด โดยนักจิตวิทยาด้านดนตรีและการออกกำลังกายเผยว่า หากเราฟังเพลงที่มีจังหวะสูง เราจะวิ่งได้เร็วขึ้น และเมื่อเคลื่อนไหวเร็วขึ้น เราก็จะยิ่งหลงรักในเพลงนั้นได้อย่างรวดเร็ว

เช่นเดียวกันกับกรณีของการขับรถ เมื่อผู้ขับได้ยินเสียงเพลงที่ดังและเร็ว พวกเขาก็จะเผลอเหยียบคันเร่งจนมิดโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเลยล่ะ

การเดินนั้นแสดงออกได้ว่าความคิดและสภาพจิตใจของเราเป็นอย่างไร เมื่อเราเดิน การก้าวขาจะสัมพันธ์กับความรู้สึกและความคิดภายใน ขณะเดียวกัน หากต้องการเปลี่ยนจังหวะความคิดหรือความรู้สึก เพียงแค่ก้าวขาให้เร็วขึ้นก็สามารถทำได้แล้ว
แน่นอนว่าข้อมูลของการเดินข้างต้นไม่ได้มาแบบลอยๆ Future Trends มีหลักฐานมาแสดงให้ทุกคนได้พิจารณาและลองคิดตามไปพร้อมๆ กันว่าเห็นด้วยกับความมหัสจรรย์ของการเดินหรือไม่ ถ้าพร้อมแแล้ว ไปลองอ่านกันเลย



จากงานวิจัยของ Marily Oppezzo และ Daniel Schwartz จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (​Stanford) ได้ทำการทดลองกับนักศึกษามหาวิทยาลัยหนึ่ง จำนวน 176 คน โดยให้ทำแบบทดสอบเกี่ยวกับการสร้างความคิดสร้างสรรค์ในรูปแบบต่างๆ ขณะนั่ง เดินบนลู่วิ่ง และเดินเล่นในสวนสาธารณะในมหาวิทยาลัย

ผลทดสอบพบว่าร้อยละ 95 ของนักศึกษาที่ออกไปเดินเล่นมีไอเดียมากมายที่ผุดขึ้นมาในหัว ส่วนอีกร้อยละ 5 เป็นของนักศึกษาที่เหลือที่ประสิทธิภาพทางความคิดสร้างสรรค์ไม่ดีเท่าที่ควร

งานวิจัยของ Marc Berman จาก University of South Carolina ระบุว่า กลุ่มนักศึกษาที่เดินผ่านสวนรุกขชาติของมหาวิทยาลัยจะมีประสิทธิภาพในการจำมากกว่านักศึกษาที่เดินไปตามถนนในเมือง



เมื่อสังเกตดีๆ จะพบว่าความสัมพันธ์ของการเดินกับการคิดนั้น มีความคล้ายคลึงกับการเขียนอย่างมาก กล่าวคือ เมื่อเราเริ่มเดิน สิ่งแวดล้อมจะเป็นปัจจัยหนึ่งในการสร้างแผนที่และวางแผนเส้นทาง เพื่อนำไปแปลงเป็นเส้นทางเดินของจริง

ทำนองเดียวกับการเขียน เมื่อตั้งใจจะเขียนอะไรสักอย่าง สมองจะทบทวนทุกอย่าง และวางแผนด้วยคร่าวๆ ในหัว จากนั้นจึงบรรยายมันออกมาโดยใช้มือนำทาง



จะเห็นได้ว่า ‘การเดิน’ นั้นเป็นวิธีง่ายๆ ที่ทรงพลังอย่างมากในการกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ ยิ่งไปกว่านั้น เรายังสามารถควบคุมความคิดได้ผ่านการเดิน และใช่ การเดินก็สามารถถูกควบคุมผ่านความคิดได้เช่นเดียวกัน

เพราะฉะนั้น หากคิดอะไรไม่ออก ก็ลองออกไปเดินสูดอากาศดูนะ ผ่อนคลายความตึงเครียดผ่านการเคลื่อนไหว และปล่อยให้ความคิดไหลลื่นไปกับจินตนาการ Future Trends เชื่อว่าไอเดียดีๆ จะต้องมาหาเราอย่างแน่นอนเลยล่ะ



เขียนโดย: ชนัญชิดา พลอยพลาย




ที่มา Link

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความยอดนิยม (ล่าสุด)

บทความยอดนิยม (1 ปีย้อนหลัง)