25 พฤษภาคม 2567

สาระน่ารู้เรื่องที่ดิน โฉนดที่ดิน



ครุฑแต่ละสีบนโฉนดที่ดิน ต่างกันอย่างไร
ก่อนจะซื้อขายต้องมีความรู้ดูเอกสารให้แน่ใจเสียก่อน จะมาสรุปให้เข้าใจง่าย ไปดูกันเลยค่ะ




ครุฑแดง
-คือโฉนดที่ดินทั่วไปที่ทุกคนส่วนใหญ่มีครอบครองกัน (น.ส.4)
-ผู้ถือครอง มีกรรมสิทธิ์ 100% ซื้อ-ขายได้
-มีระวางรูปถ่ายทางอากาศ รู้ตำแหน่ง เนื้อที่ ขอบเขตชัดเจน
-ส่วนใหญ่โฉนดในตัวเมืองเกือบทั้งหมดจะเป็นครุฑแดง
-โฉนดบางฉบับเรียกว่า โฉนดหลังแดง จะเป็นเอกสาร นส.4 ระบุด้านหลังว่า ห้ามโอนภายใน 5-10 ปี

สิ่งที่ควรระวัง หมดสิทธิ์ครอบครอง เมื่อผู้อื่นครอบครองอย่างเปิดเผยติดต่อกัน 10 ปี



ครุฑเขียว
-เป็นเอกสาร ไม่ใช่โฉนดที่ดิน และไม่ใช่กรรมสิทธิ์ (น.ส.3ก.)
-เป็นหนังสือคำรับรองจากพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าเราได้ทำประโยชน์ในที่ดินนั้นๆ
-มีระวางรูปถ่ายทางอากาศ รู้ตำแหน่ง เนื้อที ขอบเขตชัดเจน
-คุณสมบัติใกล้เคียงกับโฉนด ซื้อ-ขาย จำนองธนาคารได้ และสามารถไปยื่นเรื่องเปลี่ยนเป็นโฉนดที่ดินได้ในอนาคต (ครุฑแดง)

สิ่งที่ควรระวัง หมดสิทธิ์ครอบครอง เมื่อผู้อื่นครอบครองอย่างเปิดเผยติดต่อกัน 1 ปี



ครุฑดำ
-เป็นหนังสือรับรองจะแสดงถึงสิทธิ์การครอบครองของเจ้าของ แต่ยังไม่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ (น.ส./น.ส.3ข.)
-ไม่มีระวางรูปถ่ายทางอากาศที่แน่ชัด
-ซื้อขายต้องรอประกาศจากราชการ 30 วัน



ที่มา Link

22 พฤษภาคม 2567

รีวิว ประกันออมทรัพย์ 10/1 IRR สูง ลดหย่อนภาษี ปี 2567 (2024)

*ดูรีวิว ประกันออมทรัพย์ 10/1 ปีล่าสุดได้ที่ Link


ประกันออมทรัพย์

ประกันออมทรัพย์นั้น เป็นสิ่งที่ค่อนข้างน่าสนใจเนื่องจาก

1. สามารถลดหย่อนภาษีได้ ยิ่งฐานภาษีสูง ยิ่งได้เงินคืนเยอะ

2. ได้ผลตอบแทนที่สูง เมื่อเทียบกับฝากธนาคาร

3. ความเสี่ยงต่ำ

และประกันออมทรัพย์ 10/1 นั้น ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากจ่ายเบี้ยแค่ครั้งเดียวจบ ทำให้ไม่เป็นภาระผูกพันนานหลายปี ไว้ปีหน้าถ้าเรามีเงินเหลือก็ค่อยหาประกัน 10/1 ตัวใหม่ แต่ถ้าไม่มีเงินเหลือ ซึ่งอาจจะมีภาระผ่อนบ้าน ผ่อนรถเยอะ หรือมีหนี้ต่างๆ ก็งดซื้อประกันปีนั้นๆ ไปก่อน


รีวิวประกัน 10/1 



1. ประกันสะสมทรัพย์ 10/1 มันนี่ ฟิต

บริษัท: ไทยประกันชีวิต

URL: Link 

IRR: 2.45%

คุ้มครอง: 10 ปี

เงินคืนระหว่างปี: ทุกปี


2. แรบบิท ไลฟ์ hero 10/1

บริษัท: แรบบิท ไลฟ์

URL: Link 

IRR: 2.10%

คุ้มครอง: 10 ปี

เงินคืนระหว่างปี: ทุกปี



3. ทิพยประกันชีวิต 10/1

บริษัท: ทิพยประกันชีวิตผ่านแอพ GSB MyMo

URL: ซื้อได้บนแอพ GSB MyMo ของธนาคารออมสิน

IRR: 2.01%

คุ้มครอง: 10 ปี

เงินคืนระหว่างปี: ทุกปี


4. ดี-ซูเปอร์ เซฟวิ่ง 10/1

บริษัท: อาคเนย์ประกันชีวิต

URL: Link 

IRR: 1.8%

คุ้มครอง: 10 ปี

เงินคืนระหว่างปี: ทุกปี


5. บีแอลเอ สมาร์ทเซฟวิ่ง 10/1

บริษัท: กรุงเทพประกันชีวิต

URL: Link 

IRR: 1.75%

คุ้มครอง: 10 ปี

เงินคืนระหว่างปี: ทุกปี


6. แม็กซ์ เท็น วัน 10/1

บริษัท: philliplife

URL: Link 

IRR: 1.43%

คุ้มครอง: 10 ปี

เงินคืนระหว่างปี: ทุกปี


7. เมืองไทยประกันชีวิต 11/1

บริษัท: เมืองไทยประกันชีวิต

URL: Link 

IRR: 1.10%

คุ้มครอง: 11 ปี

เงินคืนระหว่างปี: ทุก 2 ปี



Note

  • IRR ที่แสดงยังไม่รวมเงินคืนจากการลดหย่อนภาษี ถ้ารวมกับเงินคืนภาษีแล้ว IRR จะเพิ่มสูงขึ้น
  • ดูรีวิว ประกันออมทรัพย์ 10/1 ปีล่าสุดได้ที่ Link

19 พฤษภาคม 2567

หุ้นในดัชนี S&P500 ของประเทศอเมริกาในชีวิตประจำวัน (EP.2)

 

ต่อจากตอนที่แล้ว หุ้นในดัชนี S&P500 ของประเทศอเมริกาในชีวิตประจำวัน (EP.1) Link ที่ได้แนะนำดัชนี S&P500 ความน่าสนใจของดัชนี S&P500 และหุ้น 19 ตัวในดัชนี S&P500 ที่อยู่ในชีวิตประจำวันคนไทย

ใน EP2 จะแนะนำหุ้นต่อจาก EP1 เพิ่มเติม



19. Philip Morris International Inc(PM): บริษัทยาสูบชื่อดัง ยี่ห้อที่คุ้นหูคุ้นตาคนไทย น่าจะเป็นบุหรี่ Marlboro ที่หาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป 



20. American Express Company (AXP): หนึ่งในบริษัทผู้ให้บริการระบบชำระเงินผ่านบัตรรายใหญ่ของโลก ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต คนไทยหลายคนน่าจะรู้จักและเป็นลูกค้า



21. Intel Corp (INTC): บริษัทผลิตชิพ CPU ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์หลายๆเครื่องบนโลก คอมพิวเตอร์ของหลายๆ คนน่าจะมีโลโก้ CPU Intel อยู่หน้าเครื่อง



22. Booking Holdings Inc. (BKNG): บริษัทเจ้าของ Platform การท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลก เจ้าของระบบ Agoda และ Booking.com Platform จองโรงแรม จองตั๋วเครื่องบิน จองรถ และจองตั๋วเกี่ยวกับการท่องเที่ยวอื่นๆ หลายๆคนน่าจะใช้ Platform ของบริษัทนี้เป็นประจำ ไม่ว่าจะเที่ยวในประเทศ หรือเที่ยวต่างประเทศ



23. Nike, Inc.(NKE): บริษัทรองเท้ากีฬายี่ห้อ Nike ระดับโลก ที่มีขายตามห้างสรรพสินค้าทั่วโทยและทั่วโลก ถ้าเราดูการถ่ายทอดสดกีฬา เรามักจะเห็นโฆษณาของบริษัทนี้อยู่เสมอ



24. Chubb Limited (CB): บริษัทประกันชีวิตและประกันภัย ซึ่งมีสาขาและมีบริการในประเทศไทยด้วย มีทั้งประกันชีวิต ประกันลดหย่อนภาษี ประกันออมทรัพย์ ประกันบำนาญ ประกันรถยนต์ ประกันอุบัติเหตุ ประกันการเดินทางและอื่นๆ อีกมากมาย



25. Boeing Company (BA): บริษัทผลิตเครื่องบินยี่ห้อ Boeing หนึ่งในผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ของโลก ใครที่เดินทางโดยเครื่องบินไม่ว่าจะบินไปเที่ยวหรือบินไปทำงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ ก็น่าจะมีโอกาสได้ลองนั่งเครื่องบิน Boeing มาแล้ว



26. The Cigna Group (CI): บริษัทประกันชีวิตและประกันภัย ซึ่งมีสาขาและมีบริการในประเทศไทยด้วย มีทั้งประกันชีวิต ประกันลดหย่อนภาษี ประกันออมทรัพย์ ประกันบำนาญ ประกันรถยนต์ ประกันอุบัติเหตุ ประกันการเดินทางและอื่นๆ อีกมากมาย



27. Mondelez International, Inc. Class A (MDLZ): บริษัทเจ้าของสินค้าอุปโภค บริโภค ชื่อดัง มีขนมหลายยี่ห้อที่เป็นที่รู้จักและที่ชื่นชอบของหลายๆ คนไม่ว่าจะเป็น ขนม RITZ, คุ๊กกี้ OREO, ช็อคโกแลต TOBLERONE, หมากฝรั่ง Trident



28. Starbucks Corp (SBUX): บริษัทเชนร้านกาแฟระดับโลกที่มีโลโก้รูปนางเงือก หุ้นตาหลายคน ร้านกาแฟ Starbuck มีสาขาอยู่หลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย เราสามารถหาสาขาได้ตามห้างสรรพสินค้าหรือตามออฟฟิศใกล้ๆ รถไฟฟ้า บางมหาวิทยาลัยก็มีร้านกาแฟ Starbuck อีกด้วย



29. COLGATE-PALMOLIVE (CL): บริษัทเจ้าของสินค้าอุปโภค บริโภค ชื่อดัง ที่คนไทยหลายคนรู้จักและเป็นลูกค้า น่าจะเป็นสินค้ายี่ห้อ Colgate ที่มีทั้งยาสีฟัน แปรงสีผัน น้ำยาบ้วนปาก และสบู่ Protex ส่วนสินค้าอื่นๆ อาจจะยังไม่ได้นำมาขายในประเทศไทย



30. PAYPAL HOLDINGS INC (PYPL): บริษัทระบบชำระเงินออนไลน์ ถ้าใครที่ซื้อของต่างประเทศอาจจะคุ้นกับระบบ Paypal เป็นอย่างดี



31. AIRBNB INC (ABNB): Platform จองที่พักชื่อดัง คล้ายๆกับ Agoda และ Booking.com แต่จะเน้นที่พักราคาไม่แพง เช่น บ้าน, คอนโด หรือ Guesthouse ไม่ได้เป็นโรงแรม ใครที่มีบ้านหรือคอนโดว่างๆ ก็สามารถนำมาปล่อยเช่ากับ Airbnb เพื่อสร้างรายได้ได้อีกด้วย



32. MARRIOTT INTERNATIONAL INC (MAR): บริษัทเชนโรงแรมเครือ Marriott ที่มีโรงแรมอยู่หลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย 



33. 3M (MMM): บริษัทเจ้าของสินค้าอุปโภคบริโภคยี่ห้อดังที่คุ้นหูคุ้นตาคนไทยหลายๆ คน ไม่ว่าจะเป็น แผ่น Post-it, ที่ล้างจาน Scotch Brite, แผ่นปิดสิวและแผ่นประคบร้อนเย็นยี่ห้อ Nexcare, ถุงยางอนามัย Durex เราสามารถหาซื้อสินค้าของ 3M ได้ตามร้านค้าทั่วไทย



34. HILTON WORLDWIDE HOLDINGS INC (HLT): บริษัทเชนโรงแรมเครือ Hilton ที่มีโรงแรมอยู่หลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย 



35. GENERAL MOTORS (GM): บริษัทผลิตรถยนต์ชื่อดังระดับโลก ที่คนไทยรู้จักเป็นอย่างดีคือรถยนต์ยี่ห้อ Chevrolet ที่มีโฆษณาในหนัง Transformer ด้วย แต่ปัจจุบันรถยนต์ Chevrolet  นั้นเลิกขายในประเทศไทยไปแล้ว แต่ตลาดรถยนต์มือสองยังสามารถซื้อขายได้



36. FORD MOTOR CO (F): บริษัทผลิตรถยนต์ชื่อดังระดับโลก ที่คนไทยหลายคนรู้จักและเป็นลูกค้าอยู่คือรถกระบะยี่ห้อ Ford นอกจากนั้นบริษัท Ford Motor ยังมีรถสปอร์ตยี่ห้อ Ford Mustang อีกด้วย ถ้าใครที่ชอบเล่นรถสปอร์ต Ford Mustang น่าจะเป็นหนึ่งในรถสปอร์ตในดวงใจเลยทีเดียว



37. KIMBERLY CLARK CORP (KMB): บริษัทเจ้าของสินค้าอุปโภคบริโภคยี่ห้อดัง มีสินค้าต่างๆ มากมายเช่นกระดาษชำระ กระดาษเช็ดหน้า ผ้าอนามัย ผ้าอ้อมเด็ก ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ แต่ที่หลายคนรู้จัก น่าจะยี่ห้อ Scott และ Kleenex ส่วนยี่ห้ออื่นๆ ไม่ค่อยคุ้น



38. PRUDENTIAL FINANCIAL INC (PRU): บริษัทประกันชีวิตชื่อดัง ซึ่งมีสาขาและมีบริการในประเทศไทยด้วย มีทั้งประกันชีวิต ประกันลดหย่อนภาษี ประกันออมทรัพย์ ประกันบำนาญ ประกันกลุ่ม และอื่นๆ อีกมากมาย



39. YUM BRANDS INC (YUM): บริษัทเชนร้านอาหารชื่อดัง มีร้านค้าและสาขาอยู่หลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย คนไทยหลายๆ คนน่าจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี เช่น ร้านอาหารไก่ทอด KFC, ร้านพิซซ่า Pizza Hut, ร้าน TACO BELL, ร้าน A&W



40. KEURIG DR PEPPER INC (KDP): หนึ่งในบริษัทเครื่องดื่มรายใหญ่ บริษัท KEURIG DR PEPPER เป็นเจ้าของเครื่องดื่มหลากหลายยี่ห้อ แต่ที่มีขายในไทยจะมีแค่ไม่กี่ยี่ห้อ ได้แก่ น้ำผลไม้ Sunkist, ทำอัดลม SW, 7UP, Schweppes



41. HERSHEY FOODS (HSY): บริษัทขนมชื่อดัง เจ้าของขนมช็อคโกแล็ตยี่ห้อ HERSHEY's และ KitKat ที่มาขายตามร้านค้าทั่วไป 



42. KRAFT HEINZ (KHC): หนึ่งในบริษัทสินค้าบริโภคชื่อดัง แต่ที่คนไทยรู้จักเป็นอย่างดีและเป็นลูกค้า น่าจะเป็นซอสมะเขือเทศยี่ห้อ HEINZ



43. HP INC (HPQ): บริษัทขายสินค้า IT ชื่อดังยี่ห้อ HP มีสินค้าเกี่ยวกับ IT หลากหลายไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์แบบพกพา จอคอมพิวเตอร์ เครื่อมพิมพิ์เอกสาร



44. EBAY INC (EBAY): หนึ่งในบริษัท eCommerce ชื่อดังเจ้าของ Platform ebay.com ที่มีสินค้าให้เลือกซื้อได้หลากหลาย และมีบริการส่งทั่วโลก



45. GARMIN LTD (GRMN): เจ้าของอุปกรณ์แผนที่ Navigation และนาฬิกาข้อมือสุขภาพยี่ห้อ Garmin ที่หลายๆคนชื่อชอบ และเป็นลูกค้า



46. WARNER BROS. DISCOVERY INC SERIES (WBD): หนึ่งในบริษัท Media และ Entertainment ระดับโลก มีธุรกิจและแบรนด์ต่างๆ มากมายที่คนไทยรู้จัก เช่น Platform ดูหนัง HBO, เจ้าของลิขสิทธิ์หนังและสินค้าในเครือ Warner Bros และ DC (super hero ค่ายคู่แข่งกับ Marvel ที่หลายคนชื่นชอบ เช่น super man, bat man), CNN, Cartoon Network



47. DOMINOS PIZZA INC (DPZ): บริษัทเจ้าของร้านพิซซ่ายี่ห้อ Dominos Pizza ที่มีสาขาอยู่หลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย



48: KELLANOVA (K): บริษัทเจ้าของสินค้าอุปโภค บริโภค ชื่อดัง ที่เป็นที่นิยมในไทย ได้แค่ มันฝรั่ว Pringles, อาหารเช้าซีเรียลยี่ห้อ Kelloggs



49: EXPEDIA GROUP INC (EXPE): เจ้าของ Platform เกี่ยวกับการท่องเที่ยวคล้ายๆ กับบริษัท Booking คนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศน่าจะเคยใช้บริการของบริษัท Expedia Group แต่การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ หลายคนน่าจะไปใช้ Agoda ของบริษัท Booking มากกว่า



50. HASBRO INC (HAS): บริษัทผลิตของเล่นและเกมส์ ที่น่าจะคุ้นตากันดี สามารถหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป โซนของเล่น


15 พฤษภาคม 2567

หุ้นในดัชนี S&P500 ของประเทศอเมริกาในชีวิตประจำวัน (EP.1)

 


ดัชนี S&P500 ของประเทศอเมริกา

ดัชนี S&P500 นั้นเป็นดัชนีหุ้นดัชนีนึงของประเทศอเมริกาที่ประกอบไปด้วยบริษัทสัญชาติอเมริกาขนาดใหญ่ 500 บริษัทแรกและมีการปรับหุ้นเข้าออกสม่ำเสมอเพื่อให้ดัชนีมีประสิทธิภาพ 

ดัชนี S&P500 ถูกสร้างขึ้นปี ค.ศ.1928 แต่ตอนแรกนั้นมีหุ้นอยู่ 50 ตัว และเริ่มมีหุ้น 500 ตัวในปี ค.ศ.1957 ทำให้เราสามารถดูสถิติย้อนหลังต่างๆ ได้มาก [1]

ผลตอบแทนของดัชนี S&P500 ต่อปีนั้นค่อนข้างน่าประทับใจ ถ้าวัดจากปี 1957 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม ปี 2023 แล้ว ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยคือ 10.26% ต่อปี [2] ☆☆☆

สมมติว่าเรามีเงิน 10,000 บาท แล้วลงทุนได้ผลตอบแทนปีละ 10.26% ถ้าเราลงทุนไป 66 ปี จากเงิน 10,000 บาท จะกลายเป็นเงิน 6,303,579.25 บาท 👍

นอกจากดัชนี S&P500 แล้วประเทศอเมริกายังมีดัชนีหุ้นอื่นๆ อีกเช่น ดัชนี Nasdaq, ดัชนี Dow Jone




การลงทุนในดัชนี S&P500 (S&P500 Index Fund)

เราสามารถลงทุนในดัชนี S&P500 ได้ 2 ช่องทาง

  1. ซื้อหุ้นต่างประเทศโดยตรง
    • ซื้อผ่านทาง Broker เช่น SCB InnovestX, KKP Dime 
    • ในอเมริกามีกองทุนรวม ETF ที่ลงทุนในดัชนี S&P500 ให้เลือกมากมาย ซึ่งเราสามารถซื้อขายได้เหมือนหุ้น เช่น 
      • หุ้น iShares Core S&P 500 ETF (IVV) ของ iShare [4]
      • หุ้น Vanguard S&P 500 ETF (VOO) ของ Vanguard [5]
    • ถ้าขายมีกำไรเราจะต้องแจ้งสรรพากรให้ทราบและเสียภาษี
    • ถ้าได้รับเงินปันผล ต้องรายงานสรรพากร
  2. ซื้อผ่านกองทุนรวม ซึ่งค่อนข้างง่ายและสะดวก 
    • ปัจจุบันมีหลาย บลจ ที่ขายกองทุนรวมที่ลงทุนในดัชนี S&P500 เช่น บลจ กสิกรไทย, บลจ ไทยพาณิชย์, บลจ กรุงศรี 
    • กองทุนรวมที่ลงทุนในดัชนี S&P500 ที่ค่าธรรมเนียมถูกที่สุดในปัจจุบันคือ 
      • กองทุนรวม SCBS&P500E (E-Class) ของ บลจ ไทยพาณิชย์ ไม่มีค่าธรรมเนียม  
      • กองทุนรวม K-US500X ของ บลจ กสิกรไทย ค่าธรรมเนียม 0.62% ต่อปี
      • ดูรายชื่อกองทุนรวม บลจ และค่าธรรมเนียม ทั้งหมดได้ที่ Reference [3]
    • เราสามารถซื้อขายได้ง่ายๆ ผ่านสาขาธนาคาร หรือ Mobile App ของแต่ละธนาคารได้เลย
    • กำไรจากการขายกองทุนรวมและเงินปันผลไม่ต้องยื่นภาษีและไม่ต้องแจ้งสรรพากร ✌
    • โดนหักค่าธรรมเนียมจาก บลจ เพิ่มนิดหน่อย




หุ้นในดัชนี S&P500 ของประเทศอเมริกาในชีวิตประจำวัน

บางคนอาจจะบอกว่า หุ้นอเมริกานั้นไกลตัว ไม่รู้จัก ความจริงแล้วหุ้นหลายๆตัวในอเมริกานั้นอยู่ใกล้ตัวเรามาก บางทีเราอาจจะเห็นได้ในชีวิตประจำวัน เรามาดูกันว่าหุ้นในดัชนี S&P500 ของประเทศอเมริกาในชีวิตประจำวัน มีหุ้นตัวไหนกันบ้าง



1. Microsoft Corp (MSFT): หุ้นตัวแรกคือบริษัท Microsoft เจ้าของระบบปฏิบัติการ Windows หรือ Microsoft Office (Word, Excel, Power Point, Outlook, One Note) ที่หลายๆ คนใช้ในการทำงาน พิมพิ์งาน อ่านและเขียนอีเมล์



2. Apple Inc (AAPL): หุ้นตัวต่อมาคือบริษัท Apple บริษัทเทคโนโลยีชื่อดังที่หลายๆคนก็เป็นลูกค้าของบริษัทนี้ สินค้าต่างๆ ของบริษัท Apple นั้นค่อนข้างเป็นที่นิยมและเป็นสินค้าที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad, Airpod, Apple Watch



3. Amazon.com Inc (AMZN): บริษัท e-Commerce ชื่อดังที่ขายของทุกอย่างผ่านเว็บไซต์ www.amazon.com แต่ที่คุ้นเคยกับคนไทยหลายๆ คนน่าจะเป็นร้านขายหนังสือออนไลน์ Amazon Kindle ที่มีหนังสือภาษาอังกฤษแทบจะทุกเล่มให้เราเลือกซื้อในราคาที่ไม่แพง และซื้อผ่านระบบออนไลน์ได้เลย นอกจากนั้นคนไทยหลายคนก็เป็นลูกค้า Amazon Prime แพล็ตฟอร์มดูหนังออนไลน์ที่เป็นคู่แข่งกับ Disney Plus หรือ Netflix


4. Meta Platforms Inc (META): บริษัท ​Social Media ชื่อดังเจ้าของผลิตภัณฑ์ยอดนิยมได้แก่ Facebook และ Instragram ที่คนไทยหลายคนชื่นชอบและใช้เวลาเกือบทุกวันไปกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทนี้



5. Alphabet Inc (GOOG): บริษัท Search Engine ยักษ์ใหญ่ คนไทยหลายๆ คนน่าจะใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท Alphabet เกือบทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาข้อมูลผ่าน Google Search, ดูแผนที่ผ่าน Google Map, ดูหนังฟังเพลงผ่าน Youtube หรือบริการ email ผ่าน Gmail



6. Tesla Inc (TSLA): บริษัทเทคโนโลยีเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้าชื่อดัง เจ้าของแบรนด์ Tesla คนไทยน่าจะคุ้นกับรถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อ Tesla แต่จริงๆ แล้ว Tesla นั้นมีผลิตภัณฑ์อื่นๆอีก เช่น รถบรรทุกไฟฟ้า รถกระบะไฟฟ้า



7. Visa Inc (V): หนึ่งในบริษัทผู้ให้บริการระบบชำระเงินผ่านบัตรรายใหญ่ของโลก ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต คนไทยหลายคนน่าจะรู้จักและเป็นลูกค้า



8. Procter & Gamble Company (PG): บริษัทสินค้าอุปโภค บริโภคชื่อดัง มีสินค้าหลายๆ ตัวที่พบเจอได้ตามห้างสรรพสินค้า ไม่ว่าจะเป็น แชมพูและครีมนวดผม Pantene และ Head and Shoulder, มีดโกนหนวด Gillette, แปรงสีฟันและน้ำยาบ้วนปาก Oral B,  ผลิตภัณฑ์ซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่ม Downey, ครีมบำรุงผิว OLAY, ผ้าอ้อมเด็ก Pampers



9. Mastercard Incorporated (MA): หนึ่งในบริษัทผู้ให้บริการระบบชำระเงินผ่านบัตรรายใหญ่ของโลก ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต คนไทยหลายคนน่าจะรู้จักและเป็นลูกค้า



10. Johnson & Johnson (JNJ): บริษัทยาและสินค้าอุปโภคบริโภคชื่อดัง มีสินค้าหลายตัวที่เป็นที่นิยม เช่น แป้งเด็กและสบู่เด็ก Johnson, น้ำยาบ้วนปาก ​Listerine



11. Netflix Inc (NFLX): บริษัท Online Streaming ชื่อหนัง และเป็นผู้นำในตลาดนี้ คนไทยเกือบทุกบ้านน่าจะเป็นลูกค้าของ Netflix และใช้เวลาเกือบทุกวันกับการดูหนัง และซีรีย์บน Netflix



12. Pepsico, Inc (PEP): บริษัทเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวชื่อดัง เจ้าของน้ำอัดลมยี่ห้อ Pepsi ที่หลายคนชอบดื่ม นอกจากนั้น Pepsico ยังมีผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวยี่ห้อดังๆ อีกด้วย เช่น มันฝรั่งเลย์, ชีโตส, โดริโทส


13. Coca-Cola Company (KO): บริษัทเครื่องดื่มชื่อดัง เจ้าของน้ำอัดลมยี่ห้อ Coke ที่มีส่วนแบ่งตลาดน้ำอัดลมอันดับ 1 ของโลก เป็นคู่แข่งกับ Pepsico



14. Mcdonald's Corporation(MCD): ร้านอาหาร Fast Food Mc Donald ที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศไทย และทั่วโลก มีอาหารที่เป็นที่นิยมได้แก่เบอเกอร์และมันฝรั่งเฟรนฟราย คนไทยน่าจะคุ้นเคยและเคยลองใช้บริษัทร้านอาหารยี่ห้อนี้ดี ที่มีหุ่นตัวตลกเป็นมาสคอร์ตอยู่แต่ละสาขา



15. The Walt Disney Company (DIS): บริษัท Media ชื่อดัง เจ้าของลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนที่หลายๆ คนชื่นชอบ เช่น มิคกี้เมาส์, Super Hero ต่างๆ ในเครือ Marvel ไม่ว่าจะเป็น Spider Man, Iron Man, Hulk, Captain America หรือตัวละครใน Series Star War นอกจากนั้นบริษัท The Walt Disney Company ยังมี Platform Streaming ชื่อ Disney Plus เพื่อมาแข่งกับ Netflix อีกด้วย



16 - 18. บริษัทยา: บริษัทในดัชนี S&P500 นั้นมีบริษัทระดับโลกหลายบริษัท เช่น Eli Lilly & Co. (LLY), Merck & Co Inc (MRK), Johnson & Johnson (JNJ), Pfizer Inc (PFE) ซึ่งโรงพยาบาลหรือร้านขายยาที่เราไปใช้บริการก็อาจจะเป็นลูกค้าของบริษัทเหล่านี้



ขอจบ EP.1 ไว้เท่านี้ก่อน ถ้ามีเวลาจะเขียน EP.2 ต่อแล้วแปะลิ้งค์ที่นี่ Link




References

[1] https://en.wikipedia.org/wiki/S%26P_500

[2] https://www.investopedia.com/ask/answers/042415/what-average-annual-return-sp-500.asp

[3] https://www.piggyman007.com/2021/10/s-500.html

[4] https://www.ishares.com/us/products/239726/ishares-core-sp-500-etf

[5] https://investor.vanguard.com/investment-products/etfs/profile/voo

บทความยอดนิยม (ล่าสุด)

บทความยอดนิยม (1 ปีย้อนหลัง)